สำหรับครั้งนี้อยากชวนทุกคนจับตาสัญญาณน่ากังวลของเศรษฐกิจโลกในอนาคต จากที่ล่าสุดจีนประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product-GDP) ของไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ออกมา โดยเติบโตเพียงแค่ร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ผ่านมา และเรียกได้ว่าเข้าขั้นติดลบคิดเป็นร้อยละ -2.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่ตัวเลขนี้น่ากังวลก็เพราะจีนได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกลจักรสำคัญที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจโลกในยามวิกฤตตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชีย เศรษฐกิจก็ยังเติบโตอย่างสดใส โดยขยายตัวเกือบร้อยละ 7 ในขณะที่ช่วงเกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เศรษฐกิจจีนก็ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องคิดเป็นร้อยละ 6.4 และถือเป็นตลาดบริโภคสำคัญที่ช่วยพยุงมูลค่าทางการค้าระหว่างประเทศ จากกำลังซื้อจำนวนมหาศาลของประชาชนจีน ทำให้เศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังคงสามารถเดินหน้าต่อมาได้ แม้การเติบโตจะลดลง อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนเริ่มประสบปัญหาโดยเฉพาะนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด 19 ในช่วงต้นปี 2563 เป็นต้นมา ซึ่งในช่วงแรกการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนติดลบอย่างหนัก ก่อนจะกลับมาเป็นบวกอีกครั้งหลังจากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและปิดประเทศ ถึงกระนั้นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจของจีนหลายตัวมีการสวิงไปมาและเริ่มขาดเสถียรภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รัฐบาลจีนตลอด 2 ปีที่ผ่านมาต้องอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้น การประกาศตัวเลข GDP ครั้งล่าสุดนี้น่าสนใจมาก เพราะถือว่าต่ำที่สุดในรอบหลายปี โดยนักวิเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศต่างมองว่าปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 นี้ลดลงอย่างมาก เป็นผลสำคัญมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ทั้งปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐอเมริกาไปจนถึงการระบาดของไวรัสภายในประเทศจนหลายเมืองถูกปิด โดยหนึ่งในเมืองสำคัญก็คือเซี่ยงไฮ้ซึ่งถือเป็นเมืองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของจีน ทั้งในภาคการบริโภค การบริการ และภาคอุตสาหกรรม…