ตั้งแต่ต้นปี 2565 สถานการณ์ต่างๆ ทั่วโลก ทำให้บรรยากาศของการลงทุนไม่คึกคักเท่าไหร่ การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนยังคงระบาดอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้การท่องเที่ยวไม่ฟื้นตัว และผลกระทบของเศรษฐกิจจากช่วง COVID-19 ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อขึ้นในหลายๆ ประเทศ จนไปถึงการเกิดความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามของรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ราคาน้ำมันและสินค้าสูงขึ้นส่งผลให้ค่าครองชีพสูงมากขึ้นตามไปด้วย สวนทางกับรายได้ที่คงที่หรือลดน้อยลง จนเข้าใกล้สู่ภาวะ stagflation (เศรษฐกิจตกต่ำ) สถานการณ์ต่างๆ ดังกล่าว ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งตัวลง หุ้นสหรัฐอเมริกาเริ่มดิ่งตัวลงมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจากการประกาศเพิ่มดอกเบี้ยของ FED เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และจะทยอยปรับขึ้นตลอดทั้งปี ในส่วนของหุ้นจีนก็ยังคงได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบธุรกิจในด้านต่างๆ และยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เท่ากับช่วง 2-3 ปีก่อน ส่วนหุ้นยุโรปได้รับผลกระทบจากกิจกรรมทางเศรฐกิจที่ส่อแววฝืดเคืองจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เมื่อตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ ที่เคยทำกำไรได้สูงๆ ชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนหันมาสนใจ ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 หุ้นไทยกลับมีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้กว่า 100,301 ล้านบาท ทำได้ดีกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียและมาเลเซีย ทำให้เกิดโอกาสที่น่าสนใจจากนักลงทุนภายในประเทศด้วยเช่นกัน นักลงทุนภายในประเทศเริ่มกลับมาลงทุนภายในต่างประเทศ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นักลงทุนโดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ (18-39 ปี) มักจะลงทุนในหุ้นต่างประเทศและสินทรัพย์ออนไลน์ อย่าง คริปโตเคอเรนซี หลังจากที่ต้นปีคริปโตร่วงลงกว่า50% ในช่วงต้นปี…