สื่อต่างประเทศเมื่อ 28 กรกฎาคม 2568 รายงานกรณีผู้นำไทยและกัมพูชาพบหารือกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เพื่อทำข้อตกลงหยุดยิง โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้าร่วมด้วย ผลการหารือ ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะหยุดยิงในเวลา 00.00 น.ของ 28 กรกฎาคม 2568 และตั้งกลไกหารือกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับฟื้นฟูช่องทางการติดต่อระหว่างกันทั้งในมิติการทูตและการทหาร
สาระสำคัญของข้อตกลงดังกล่าวระบุว่า ผู้นำทั้ง 2 ฝ่ายต้องการทำข้อตกลงหยุดยิงและกลับสู่สภาวะปกติ การเจรจาครั้งนี้ มีผู้นำสหรัฐฯ ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีรัฐบาลจีนติดต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งเสริมการเจรจาและการฟื้นฟูสันติภาพ สำหรับทั้ง 2 ประเทศตกลงที่จะหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขในเวลา 00.00 น.ของ 28 กรกฎาคม 2568 จะเป็นขั้นตอนแรกที่มีความสำคัญต่อการลดระดับความตึงเครียดระหว่างประเทศ จากนั้นจะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่โดยมีผู้แทนจากอาเซียนเข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ตลอดจนจะมีการประชุมในกรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย -กัมพูชา (General Border Committee – GBC) ใน 4 สิงหาคม 2568 ที่กัมพูชา
ผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซียยินดีต่อกรณีดังกล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์โพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ แสดงความยินดีและให้ความเห็นว่าการหยุดยิงจะช่วยปกป้องชีวิตของประชาชนได้จำนวนมาก พร้อมทั้งระบุว่าจะให้ทีมเจรจาการค้าหารือกับทั้ง 2 ประเทศ ด้านนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ทั้งนี้ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่าผู้นำกัมพูชา รวมทั้งสมเด็จฯ ฮุน เซนประธานวุฒิสภาและอดีตผู้นำกัมพูชาแถลงถึงผู้นำสหรัฐฯ ว่ามีบทบาทสำคัญในสถานการณ์นี้
อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามพัฒนาการสถานการณ์ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเมื่อ 29 กรกฎาคม 2568 ยังมีรายงานจากฝ่ายไทยว่ามีปฏิบัติการทางทหารตอบโต้กัน เข้าข่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ผู้นำรัฐบาลตกลงกันไว้ รองโฆษกกองทัพบกไทยยืนยันเมื่อ 29 กรกฎาคม 2568 ว่า กัมพูชาก่อกวนและยิงตอบโต้ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ทำให้ต้องเลื่อนการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้บัญชาการกองกำลังของ 2 ประเทศ จากกำหนดการเดิมในช่วง 07.00 น.ออกไปก่อน เพื่อตรวจสอบสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ด้านกัมพูชาแถลงว่าฝ่ายไทยยิงโจมตีในพื้นที่ของกัมพูชาก่อนเริ่มใช้ข้อตกลงหยุดยิง และตั้งแต่ช่วงเวลา 00.30 น.ของ 29 กรกฎาคม 2568 ฝ่ายกัมพูชารายงานว่าสถานการณ์ปกติและไม่มีการตอบโต้ทางการทหารระหว่างกัน
กัมพูชามีแนวโน้มใช้สถานการณ์จากเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา สร้างโอกาสโจมตีภาพลักษณ์ของไทยและเผยแพร่ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายตนเอง ปัจจุบันสื่อกัมพูชารายงานสถานการณ์ย้ำว่าปราสาทตาเมือนและปราสาทตาควาย และพื้นที่บริเวณช่องจอม อยู่ในจังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชา นอกจากนี้ สื่อมวลชนกัมพูชารายงานว่า รัฐบาลกัมพูชานำโดยกระทรวงแรงงานกัมพูชาเตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศคว่ำบาตรสินค้าไทย เพื่อตอบโต้ที่มีเหตุการณ์ทำร้าย ข่มขู่ และเลือกปฏิบัติต่อแรงงานชาวกัมพูชาที่อยู่ในไทย โดยในหนังสือดังกล่าวได้เรียกร้องให้ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงทวิภาคีและกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการปกป้องสิทธิและความปลอดภัยของแรงงานต่างชาติ