สาธารณรัฐซูดาน
Republic of Sudan
เมืองหลวง คาร์ทูม
ที่ตั้ง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา ระหว่างเส้นละติจูด 8-23 องศาเหนือ กับเส้นลองจิจูด 24-36 องศาตะวันออก พื้นที่รวม 1,861,484 ตร.กม. มีชายแดนทางบกยาว 6,819 กม. และมีชายฝั่งยาว 853 กม.
อาณาเขต
ทิศเหนือ ติดกับอียิปต์ 1,276 กม. ลิเบีย 382 กม.
ทิศใต้ ติดกับเซาท์ซูดาน 2,158 กม.
ทิศตะวันออก ติดกับทะเลแดง 853 กม. เอริเทรีย 682 กม. และเอธิโอเปีย 744 กม.
ทิศตะวันตก ติดกับชาด 1,403 กม. และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง 174 กม.
ภูมิประเทศ ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ภาคใต้ ตะวันออกเฉียงเหนือ และตะวันตกเป็นเขตภูเขา และภาคเหนือส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย
วันชาติ 1 ม.ค. (ได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2499)
พล.ท.Abdel Fattah al-Burhan
(ประธานสภาปกครอง (Sovereign Council))
นาย Abdalla Hamdok
(นรม.ซูดาน)
ประชากร 46,751,152 คน (ก.ค.2564)
รายละเอียดประชากร ส่วนใหญ่ (70%) เป็นชาวอาหรับซูดาน นอกนั้นเป็น Fur, Beja, Nuba และ Fallata อัตราส่วนประชากรจำแนกตามอายุ (ปี 2563) : วัยเด็ก (0-14 ปี) 42.01% วัยรุ่นถึงวัยกลางคน (15-64 ปี) 54.96% วัยชรา (65 ปีขึ้นไป) 3.03% อายุขัยเฉลี่ยของประชากรโดยรวม 66.79 ปี เพศชายประมาณ 64.58 ปี เพศหญิงประมาณ 69.11 ปี อัตราการเกิด 33.63 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการตาย 6.41 คนต่อประชากร 1,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากร 2.55%
การก่อตั้งประเทศ หลังได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักรเมื่อ 1 ม.ค.2499 ซูดานตกอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองมาตลอด โดยสงครามกลางเมืองช่วงแรกสิ้นสุดลงเมื่อปี 2515 และสงครามกลางเมืองครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อปี 2526 เนื่องจากรัฐบาลซูดานภายใต้การนำของประธานาธิบดี Gaafar Nimeiry ประกาศใช้กฎหมายอิสลามบริหารประเทศครอบคลุมถึงซูดานตอนใต้ ทำให้ชาวซูดานตอนใต้ที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์และความเชื่อดั้งเดิม รวมตัวกันจัดตั้งเป็น กกล.ต่อต้าน ชื่อ Sudan People’s Liberation Movement (SPLM) นำโดยนาย John Garang และปฏิเสธที่จะอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลนาย Gaafar Nimeiry
ซึ่งกลุ่มดังกล่าวทำสงครามต่อต้านรัฐบาลมาอย่างยาวนานกว่าสองทศวรรษ ส่งผลให้มีผู้พลัดถิ่นกว่า 4 ล้านคน และเสียชีวิต 2 ล้านคน จนในที่สุดเมื่อ ม.ค.2548 ทั้งสองฝ่ายบรรลุความตกลงสันติภาพ (Comprehensive Peace Agreement-CPA) กำหนดให้ซูดานเหนือและใต้มีโครงสร้างการปกครองที่ทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วม เช่น ให้ผู้นำของ SPLM เป็นรองประธานาธิบดีคนที่หนึ่ง จัดตั้งรัฐบาลผสมระหว่างพรรค National Congress Party (NCP) ของรัฐบาลกับกลุ่ม SPLM ภายใต้ชื่อ Government of National Unity (GNU) แบ่งรายได้จากการส่งออกน้ำมันระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้เท่า ๆ กัน และให้ฝ่ายใต้มีอำนาจปกครองตนเอง (autonomy)
เป็นเวลา 6 ปี ก่อนให้ประชาชนลงประชามติ ซึ่งผลการลงประชามติเมื่อ ม.ค.2554 ประชาชนฝ่ายใต้ 98% เลือกที่จะปกครองตนเอง นำไปสู่การประกาศเอกราชของเซาท์ซูดานแยกจากซูดาน เมื่อ 9 ก.ค.2554
แต่ภายหลังการแยกตัวของเซาท์ซูดาน เกิดความขัดแย้งภายในซูดานระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มปลดปล่อยประชาชนซูดานเหนือ (Sudan People’s Liberation Movement-North) หรือ SPLM-N และในพื้นที่ขัดแย้งดาร์ฟูร์ South Kordofan และ Blue Nile ทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยมากถึง 12 ล้านคน และส่งผลต่อการให้
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยเฉพาะความขัดแย้งในดาร์ฟูร์เมื่อปี 2546 ทำให้มีผู้ไร้ที่อยู่อาศัยนับล้านคน และเสียชีวิตนับแสนคน สหประชาชาติและสหภาพแอฟริกาพยายามเข้ามาระงับเหตุ และจัดตั้งภารกิจกองกำลังสันติภาพผสมระหว่างสหประชาชาติกับสหภาพแอฟริกาในดาร์ฟูร์ (UNAMID) เมื่อปี 2550 ปัจจุบัน UNAMID ประกาศยุติภารกิจและถอนกำลังประจำการออกจากซูดานแล้วเมื่อ 31 ธ.ค.2563 นอกจากนี้ ซูดานยังมีปัญหาผู้ลี้ภัยจากประเทศข้างเคียง เช่น เอธิโอเปีย ชาด สาธารณรัฐแอฟริกากลาง และเซาท์ซูดาน ขณะที่การให้ความช่วยเหลือทำได้ยากลำบาก เพราะปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มติดอาวุธ และสภาพการคมนาคม
การเมือง ปกครองแบบสาธารณรัฐ ประธานาธิบดีเป็นประมุขและหัวหน้ารัฐบาล การเลือกตั้งประธานาธิบดีและการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อ 13-16 เม.ย.2558 นายอุมัร ฮะซัน อะห์มัด อัลบะชีร ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่ 16 ต.ค.2536 และถูกโค่นล้มออกจากตำแหน่งเมื่อ 11 เม.ย.2562 จากการรัฐประหาร
โดยกองทัพ ต่อมา เมื่อ 17 ส.ค.2562 ซูดานตั้งสภาปกครอง (Sovereign Council) ให้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารปกครองประเทศ โดยจะทำหน้าที่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านเป็นระยะเวลา 39 เดือน ซึ่งสมาชิกจากฝ่ายกองทัพจะเป็นประธานใน 21 เดือนแรก จากนั้น ฝ่ายพลเรือนจะเข้าเป็นประธานต่ออีก 18 เดือน แล้วจึงจะมีการจัดการเลือกตั้งในปี 2565 ปัจจุบัน มี พล.ท.Abdel Fattah al-Burhan เป็นประธานสภาปกครอง
ฝ่ายบริหาร : ประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีอำนาจควบคุมฝ่ายบริหาร กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ และแต่งตั้ง ครม. แต่หลังเกิดการรัฐประหารเมื่อ 11 เม.ย.2562 สภาปกครอง (Sovereignty Council-SC) เข้าทำหน้าที่บริหารประเทศชั่วคราว มีสมาชิกจากทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนรวม 11 คน และหลังการรัฐประหารเมื่อ 25 ต.ค.2564 มีการเพิ่มสมาชิก SC รวมเป็น 14 คน โดยมี พล.อ.Abdel Fattah al-Burhan อดีตประธานสภาทหารเพื่อการเปลี่ยนผ่านของซูดาน (Transitional Military Council-TMC) ทำหน้าที่ประธานสภาปกครอง และ พล.ท.Mohammed Hamadan Dagalo ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภา ทั้งนี้ นาย Abdalla Hamdok นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำสหประชาชาติ ซึ่งมี สนญ.อยู่เอธิโอเปีย ได้รับคัดเลือกจากฝ่ายพลเรือนให้ดำรงตำแหน่ง นรม.ซูดาน ทั้งสภาปกครองและนาย Hamdok เข้าสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 21 ส.ค.2562 ต่อมา พ.อ.Abdel Fattah al-Burhan เข้าทำรัฐประหารเมื่อ 25 ต.ค.2564 ก่อนจะมีการลงนามในข้อตกลงฟื้นฟูทางการเมืองเพื่อเปลี่ยนผ่านการปกครองไปสู่พลเรือน และแต่งตั้งให้ นรม.Hamdok ดำรงตำแหน่งอีกครั้งเมื่อ 21 พ.ย.2564
ฝ่ายนิติบัญญัติ : ทำหน้าที่ออกกฎหมาย ข้อมติ และจัดให้มีการไต่สวนในเรื่องที่มีความสำคัญ ให้ความเห็นชอบงบประมาณและภาษี ประกอบด้วย 2 สภา คือ 1) วุฒิสภา (Council of States หรือ Majlis al-Wilayat) มีสมาชิก 54 คน มาจากการเลือกตั้งโดยอ้อม วาระ 6 ปี และ 2) สภาผู้แทนราษฎร (National Assembly หรือ Majlis Watani) มีสมาชิก 426 คน โดย 213 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ส่วนที่เหลือมาจากการเลือกตั้งแบบสัดส่วน (ในจำนวนส่วนที่เหลือนี้เป็นหญิง 128 คน) วาระ 6 ปี การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ 13-16 เม.ย.2558 มีการยุบสภาเนื่องจากเกิดการรัฐประหารสองครั้งคือเมื่อ 11 เม.ย.2562 และ 25 ต.ค.2564
ฝ่ายตุลาการ : ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ และศาลอื่น ๆ
พรรคการเมืองสำคัญ : พรรค Democratic Unionist Party (DUP) ดั้งเดิม พรรค Democratic Unionist Party พรรค Umma Federal Party (UFP) พรรค Popular Congress Party (PCP) พรรค Umma Party (UP) พรรค Umma Reform and Development Party (URDP) และพรรค Muslim Brotherhood (MB)
เศรษฐกิจ ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา เศรษฐกิจของซูดานพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดอาชีพเกษตรกรรม แม้ว่าอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อหัวของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่ปัญหาการสู้รบในดาร์ฟูร์ที่เป็นสงครามกลางเมือง และการขาดแคลนระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้ประชาชนมีระดับความเป็นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานความยากจน ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภาคบริการ การพัฒนาสาธารณูปโภค และภาคการเกษตรก็มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในการส่งเสริมการจ้างงาน โดยภาคการเกษตรมีการจ้างงานสูงสุด
ผลผลิตการเกษตร ได้แก่ ฝ้าย ถั่วลิสง ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ข้าวสาลี กัมอาหรับ (เป็นสารประกอบธรรมชาติชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มสารไฮโดรคอลลอยด์ที่นิยมใช้กันแพร่หลายในวงการอุตสาหกรรมอาหาร) อ้อย มันแกว มะม่วง มะละกอ กล้วยหอม มันฝรั่งหวาน งา แกะ และปศุสัตว์ ผลผลิตในภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมัน สิ่งทอ ซีเมนต์ น้ำมันรำข้าว น้ำตาล สมุนไพรที่ใช้ในการทำสบู่ รองเท้า น้ำมันกลั่น เวชภัณฑ์ ยุทธภัณฑ์ การประกอบรถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็ก
การประกาศเอกราชของเซาท์ซูดานที่แยกตัวออกจากซูดาน เมื่อ 9 ก.ค.2554 ส่งผลกระทบต่อค่าเงินและเศรษฐกิจของซูดานเป็นอย่างมาก เนื่องจากแหล่งน้ำมันที่เป็นรายได้สำคัญของซูดานส่วนใหญ่
(3 ใน 4) อยู่ในเซาท์ซูดาน นอกจากนี้ ประชาชนนำเงินไปซื้อ-ขายในตลาดมืดที่ให้ราคาดีกว่าธนาคาร เนื่องจากค่าเงินปอนด์ซูดานอ่อนค่าลงอย่างมาก ขณะเดียวกัน ก็ประสบปัญหาขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อสูง และรัฐบาลซูดานลดการอุดหนุนการนำเข้าข้าวสาลีและเชื้อเพลิง ทำให้ประชาชนประสบความยากลำบาก
ขณะที่ความพยายามแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบันด้วยการใช้เงินอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิง อาจไม่ใช่การแก้ปัญหาที่เหมาะสม และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น เงินเฟ้อ และการคอร์รัปชัน
โดยอาศัยส่วนต่างของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ซูดานต้องพึ่งพาเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ ซึ่งใน ธ.ค.2563
เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อย 40% ของงบประมาณประจำปีของซูดาน
เศรษฐกิจในปี 2565 คาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อัตราความยากจนจะลดลง 0.5% การนำเข้าจากต่างประเทศจะลดลง รวมถึงการนำเข้าเชื้อเพลิง และอาหาร ในขณะที่สถานการณ์ด้านการขาดดุลทางการคลังและบัญชีเดินสะพัดคาดว่าจะดีขึ้น เนื่องจากมีแผนปฏิรูปเพื่อเร่งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สกุลเงิน ตัวย่อสกุลเงิน : ปอนด์ซูดาน (Sudanese Pound) หรือ SDG
อัตราแลกเปลี่ยนต่อดอลลาร์สหรัฐ : 1 ดอลลาร์สหรัฐ : 437.5 ปอนด์ซูดาน
อัตราแลกเปลี่ยนต่อบาท : 1 บาท : 13.1 ปอนด์ซูดาน (ธ.ค.2564)
ดัชนีเศรษฐกิจสำคัญ ปี 2563
ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) : 26,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ : -1.6% (ปี 2563 ของธนาคารโลก)
รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปี : 595.47 ดอลลาร์สหรัฐ
แรงงาน : 12,779,579 คน (ปี 2563 ของธนาคารโลก)
อัตราการว่างงาน : 25% (ต.ค.2563 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ-IMF)
อัตราเงินเฟ้อ : 141.6% (ต.ค.2563 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ-IMF)
ผลผลิตทางการเกษตร : ฝ้าย ถั่วลิสง ข้าวฟ่าง ข้าวสาลี กัมอาหรับ อ้อย มันสำปะหลัง มะม่วง มะละกอ
ผลผลิตอุตสาหกรรม : น้ำมัน ใยฝ้าย สิ่งทอ ซีเมนต์ น้ำมันชนิดรับประทานได้ น้ำตาล
ดุลการค้าระหว่างประเทศ : ขาดดุล 4,680 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
มูลค่าการส่งออก : 5,110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2562)
สินค้าส่งออก : น้ำมันดิบ ทองคำ พืชน้ำมัน แกะ และแพะ
คู่ค้าส่งออกที่สำคัญ : สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 27% อินเดีย 17.3% จีน 16.4% ซาอุดีอาระเบีย 13.9% อินโดนีเซีย 5.93%
มูลค่าการนำเข้า : 9,790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ปี 2562)
สินค้านำเข้า : ข้าวสาลี น้ำตาลทรายดิบ ยา ยานยนต์ ยางรถยนต์
คู่ค้านำเข้าที่สำคัญ : จีน 25.2% สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 12% อินเดีย 10.5% ซาอุดีอาระเบีย 8.57% รัสเซีย 6.77%
คู่ค้าสำคัญ : สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จีน อินเดีย
ทรัพยากรธรรมชาติ : น้ำมัน แหล่งแร่เหล็ก ทองแดง โครเมียม สังกะสี ทังสเตน แร่ไมกา เงิน ทองคำ และไฟฟ้าพลังน้ำ
การทหารและความมั่นคง
การทหาร : ไม่ปรากฏข้อมูลงบประมาณด้านการทหาร กำลังพลรวม ทหาร 104,300 นาย กองกำลังกึ่งทหาร 20,000 นาย และกำลังสำรอง 85,000 นาย โดยทหารแยกเป็น ทบ. 100,000 นาย ทร. 1,300 นาย และ ทอ. 3,000 นาย
ยุทโธปกรณ์สำคัญ : ทบ. ได้แก่ รถถังหลัก (MBT) 465 คัน รถถังเบา (LT TK) 115 คัน รถหุ้มเกราะลาดตระเวน (RECCE) รวม 206 คัน รถหุ้มเกราะทหารราบ (IFV) รวมมากกว่า 152 คัน รถหุ้มเกราะลำเลียงพล (APC) รวมมากกว่า 415 คัน รถหุ้มเกราะอรรถประโยชน์ (AUV) มากกว่า 4 คัน อาวุธนำวิถีต่อสู้รถถัง (MSL) ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลังต่อสู้รถถัง (RCL) และปืนต่อสู้รถถัง ปืนใหญ่ประเภทอัตตาจร (SP) ลากจูง (TOWED) ยิงระเบิด (MRL) และปืนครก (MOR) รวมมากกว่า 860 กระบอก จรวดต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศ (SAM) และปืนต่อสู้อากาศยานประเภทอัตตาจร (SP) และลากจูง (TOWED) รวมมากกว่า 966 กระบอก
ทร. ได้แก่ เรือลาดตระเวนและเรือรบชายฝั่ง 11 ลำ เรือรบสะเทินน้ำสะเทินบก 5 ลำ เรือสนับสนุน 4 ลำ
ทอ. ได้แก่ เครื่องบินขับไล่ (FTR) 22 เครื่อง เครื่องบินโจมตี (ATK) 20 เครื่อง เครื่องบินด้านข่าวกรอง เฝ้าระวัง และลาดตระเวน (ISR) 2 เครื่อง เครื่องบินขนส่ง (TPT) 24 เครื่อง และเครื่องบินสำหรับการฝึก (TRG) มากกว่า 21 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์โจมตี (ATK) 40 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ (MRH) 3 เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ขนส่ง (TPT) 27 เครื่อง อากาศยานไร้คนขับรุ่น CH-3 และรุ่น CH-4 จรวดต่อสู้อากาศยานพื้นสู่อากาศ (SAM) ขีปนาวุธจากอากาศสู่อากาศ (AAM) และขีปนาวุธนำทางด้วยเรดาร์ (ARH)
ปัญหาด้านความมั่นคง :
- สถานการณ์ด้านมนุษยธรรม เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบภายในประเทศและภัยธรรมชาติ รวมถึงผลกระทบจากโรค COVID-19 ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ยากลำบากขึ้น ซึ่งรวมถึงด้านสุขภาพ
- สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่เดิมถูกซ้ำเติมด้วยผลกระทบจากโรค COVID-19
ทำให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ยาก และต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างชาติ - ผลกระทบจากการสู้รบในภูมิภาค Tigray ทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย ซึ่งทำให้มีชาวเอธิโอเปียลี้ภัยมายังทาง ตอ.ของซูดานแล้วกว่า 25,000 คน
- ปัญหาการประท้วงทางการเมือง และปัญหาเศรษฐกิจ จากการขาดแคลนเชื้อเพลิงและข้าวสาลีมีราคาแพง
ความสัมพันธ์ไทย-ซูดาน :
ความสัมพันธ์ด้านการทูต
ไทยสถาปนาความสัมพันธ์กับซูดานเมื่อ 15 มิ.ย.2525 โดยมอบหมายให้ สอท.ไทย/ไคโร อียิปต์ มีเขตอาณาครอบคลุมถึงซูดาน ส่วนฝ่ายซูดานมอบหมายให้ สอท.ซูดาน/กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย มีเขตอาณาครอบคลุมไทย ปัจจุบัน รัฐบาลซูดานกระชับความสัมพันธ์กับไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข และวิชาการ
ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ
เมื่อปี 2563 การค้าระหว่างไทย-ซูดาน มีมูลค่า 59.60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออกให้ซูดาน 58.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้าจากซูดาน 0.78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้าซูดาน 58.04 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในช่วง ม.ค.-ต.ค.2564 การค้าไทย-ซูดาน มีมูลค่า 29.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไทยส่งออก 28.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และนำเข้า 1.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยไทยได้เปรียบดุลการค้าซูดาน 27.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สินค้าที่ไทยส่งออกไปซูดาน เมื่อปี 2563 ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำตาลทราย เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ สินค้าที่ไทยนำเข้าปี 2563 ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช สัตว์มีชีวิตไม่ได้ทำพันธุ์ เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ การแพทย์ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
ด้านการท่องเที่ยว เมื่อปี 2563 มีผู้ที่เดินทางจากซูดานมาไทย จำนวน 736 คน ทั้งนี้ มีคนไทยอาศัยอยู่ในซูดานจำนวน 738 คน (พ.ค.2563)
ความตกลงที่สำคัญระหว่างไทยกับซูดาน อยู่ระหว่างการพิจารณาความตกลงทั่วไปว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ และบันทึกความเข้าใจด้านสาธารณสุข
สถานการณ์สำคัญที่น่าติดตาม
- เสถียรภาพภายในซูดานและการบริหารประเทศของสภาปกครองที่จัดตั้งขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง กำหนดจัดการเลือกตั้งในปี 2565 โดย นรม.Hamdok ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง นรม.ซูดานอีกครั้งเมื่อ 21 พ.ย.2564 หลังจากทหารเข้าทำรัฐประหารเมื่อ 25 ต.ค.2564 ทั้งนี้ การลงนามในข้อตกลงเพื่อเปลี่ยนผ่านการปกครองไปสู่พลเรือน มีข้อตกลงทางการเมือง 14 ข้อ รวมถึงการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองที่ถูกจับกุมระหว่างการทำรัฐประหารทั้งหมด และระบุว่าการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของซูดานยังคงอยู่บนพื้นฐานของรัฐธรรมนูญปี 2562 ทั้งนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเมื่อ 3 มิ.ย.2563 แต่งตั้งภารกิจ UN Integrated Transition Assistance Mission in Sudan (UNITAMS) เป็นกรณีพิเศษ เพื่อดูแลความเรียบร้อยในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของซูดาน โดยจะสิ้นสุดภารกิจใน 3 มิ.ย.2565
- ข้อพิทาทการสร้างเขื่อน Grand Ethiopian Renaissance Dam (GERD) บนแม่น้ำ Blue Nile ของเอธิโอเปีย ระหว่างซูดาน อียิปต์ และเอธิโอเปีย โดยการเจรจาแก้ไขปัญหาข้อพิพาทยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย ปัจจุบันซูดานและอียิปต์เรียกร้องให้ UNSC เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว