สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่เริ่มมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2565 อาจกำลังเข้าสู่ “จุดเปลี่ยน” และ “จุดอันตราย” อีกครั้ง เมื่อมีรายงานเกี่ยวกับเหตุโจมตีผลประโยชน์ของรัสเซียบ่อย ๆ ในปี 2566 ไม่ว่าจะเป็นกรณีรัสเซียรายงานว่าพบความพยายามใช้โดรน 2 เครื่องบินบุกเข้าไปในกรุงมอสโค เพื่อลอบสังหารประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินเมื่อต้นพฤษภาคม 2566 หรือเหตุลอบวางระเบิดและทำร้ายผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลรัสเซียอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่กองทัพรัสเซียเปิดเผยว่ามีความพยายามใช้โดรนโจมตีไครเมียอย่างหนัก โดยมุ่งโจมตีที่แหล่งผลิตพลังงานในไครเมียด้วย และเหตุการณ์ล่าสุด คือ กรณีรัสเซียรายงานว่ามีกลุ่มก่อการร้ายปฏิบัติการโจมตีข้ามพรมแดนด้วยการใช้โดรนเข้าไปก่อเหตุยิงบุกรุกในภูมิภาคเบลโกรอด (Belgorod) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซีย ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2566 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและดูเหมือนว่าจะทำให้รัสเซียไม่พอใจอย่างมาก
สาเหตุที่การโจมตีที่ภูมิภาค Belgorod อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนหรือจุดอันตราย เพราะกรณีนี้ถือว่าเป็นการปฏิบัติการข้ามแดนที่สร้างความเสียหายโดยตรงให้กับมาตุภูมิรัสเซีย ซ้ำยังเป็นการปฏิบัติการที่มีกลุ่มกองกำลังออกมาเปิดเผยว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าวด้วย คือ กลุ่ม Russian Volunteer Corps หรือ RVC และกลุ่ม Freedom for Russia Legion ที่ประกาศผ่าน Telegram ว่าทำไปเพื่อปฏิบัติการรักษาสันติภาพ และมีเป้าหมายเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดทหารระหว่างรัสเซียกับยูเครน เพื่อเป็นอิสระจากรัสเซีย และทำลายกองกำลังที่สนับสนุนระบอบปูติน รวมทั้งเพื่อให้ชาวรัสเซียเห็นว่าการต่อต้านระบอบปูตินนั้นเป็นสิ่งที่ “สามารถทำได้” และ “ประสบความสำเร็จ” ด้วย
……….แล้วจะไม่ให้รัสเซียโกรธยังไงไหว ในเมื่อดินแดนของรัสเซียตกเป็นเป้าโจมตีไปพร้อม ๆ กับการที่ผู้นำถูกท้าทายขนาดนี้ เหตุการณ์นี้ทำให้รัสเซียต้องประกาศอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เป็นการชั่วคราว เพราะจะส่งกองกำลังเข้าไปปราบปรามให้เด็ดขาด ปัจจุบัน รัสเซียเชื่อว่าความเคลื่อนไหวของกลุ่ม Freedom for Russia Legion นี้ได้รับการสนับสนุนจากยูเครน (และประเทศตะวันตก) และเรียกกลุ่มนี้ว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ขณะที่ด้านยูเครนและประเทศตะวันตกปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าว และชี้ว่านี่เป็นความเคลื่อนไหวที่สะท้อนว่ามีกลุ่มต่อต้านรัสเซียอยู่ในรัสเซียเอง
สำหรับข้อมูลของกลุ่ม Freedom for Russia Legion ที่ปรากฏอยู่ในสื่อยูเครนตอนนี้ เล่าว่ากลุ่มมีอีกชื่อหนึ่งว่า Free Russia Legion เป็นกองกำลังกึ่งทหาร (paramilitary group) ชาวรัสเซียที่เคลื่อนไหวอยู่ในยูเครน ก่อตั้งขึ้นเมื่อ กุมภาพันธ์ 2565 และมีช่อง Telegram เป็นหลักฐานสร้างตัวตนและระดมสมาชิกเมื่อ มีนาคม 2565
เป้าหมายของกลุ่มคือการต่อต้านระบอบปูติน หรือการปกครองโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่เป็นระบบชาติ-อำนาจนิยม และต่อต้านกรณีรัสเซียปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครน ตลอดจนเพื่อปกป้องชาวรัสเซียจากการถูกทำลาย ว่ากันว่าสมาชิกกลุ่มประกอบด้วยอดีตนายทหารของรัสเซีย อาสาสมัคร และชาวรัสเซียที่มีเชื้อสายยูเครน รวมไปถึงอาสาสมัครจากประเทศอื่น ๆ อย่างเบลารุสอยู่ด้วย กลุ่มบอกว่ามีกำลังอยู่ประมาณ 2,000 คน (ตัวเลขตามที่กลุ่มบอกไว้ แต่ไม่มีแหล่งข่าวอื่นยืนยันได้) ที่ผ่านมามีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการติดธงสีขาวฟ้า และสัญลักษณ์ตัว L หน้าหอไอเฟลเมื่อ พฤษภาคม 2565 เพื่อทำให้โลกเห็นว่ามีความเคลื่อนไหวเพื่อ “ปลดปล่อยรัสเซีย” อยู่ นอกจากนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่ม Freedom for Russia Legion ระดมทุนด้วยคริปโตเคอเรนซี
ส่วนกลุ่ม RVC มีข้อมูลว่าก่อตั้งโดยชาวรัสเซียที่มีอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมขวาจัดเมื่อ สิงหาคม 2565 เคลื่อนไหวในยูเครนต่อต้านรัสเซีย สำหรับกลุ่มนี้ หน่วยข่าวกรองยูเครนบอกว่าเป็นกลุ่มใต้ดินที่อยู่ในรัสเซีย เป็นพันธมิตรของกลุ่ม Freedom for Russia Legion เพราะมีเป้าหมายเหมือน ๆ กัน และใช้ Telegram เป็นช่องทางสื่อสารและเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์เหมือนกันด้วย โดยประกาศตัวว่าเป็นผู้รักชาติที่ทำเพื่อชาวรัสเซีย และเห็นว่าระบอบการปกครองของประธานาธิบดีปูตินนั้นไม่เป็นประโยชน์ต่อชาวรัสเซียอย่างแท้จริง เพราะไปเน้นที่การสร้างความยิ่งใหญ่ แต่ไม่เน้นเรื่องความกินดีอยู่ดีของชาวรัสเซีย สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่ม RVC กับ Freedom for Russia Legion คือ กลุ่มนี้รับแต่สมาชิกชาวรัสเซียเท่านั้น
ประวัติและทิศทางความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 กลุ่มอาจจะยังไม่มีข้อมูลที่เปิดเผยมากพอที่เราจะคาดเดาได้ว่า กลุ่มนี้จะสร้างความเสียหายให้รัสเซียได้แค่ไหน …แต่ที่น่าห่วงกังวล ก็คือ ผลกระทบจากการโจมตีภูมิภาค Belgorod ครั้งนี้ อาจนำไปสู่ “การยกระดับปฏิบัติการทางการทหาร” เพื่อปราบปรามกลุ่มคนที่เห็นต่างจากรัฐบาลรัสเซีย รวมไปถึงสถานการณ์ในยูเครนมากขึ้นไปอีก เพราะจากหลายครั้งที่รัสเซียถูกโจมตีในช่วงที่ผ่านมา รัสเซียจะยกระดับการปฏิบัติการทางการทหารต่อยูเครนมากขึ้นทุกครั้ง เช่น หลังเหตุการณ์โดรน และหลังการโจมตีสะพานเชื่อมไครเมีย-รัสเซีย เป็นต้น
…..ครั้งนี้ รัสเซียได้ประณามเหตุการณ์นี้และเรียกว่าเป็น “ก่อการร้าย” เท่ากับว่ารัสเซียมีความชอบธรรมอย่างเต็มที่ที่จะปราบปรามกลุ่มเหล่านี้ที่อยู่ในรัสเซียอย่างเด็ดขาด เพื่อจัดการกับสภาวะที่เกิดขึ้นในประเทศที่อาจจะเริ่มมีการวิตกกังวลกับสถานการณ์นี้ หากรัสเซียไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้ได้รวดเร็วเพียงพอ แม้ว่าชาวรัสเซียจะยังเชื่อมั่นในรัฐบาล แต่ตอนนี้สื่อประเทศตะวันตกเริ่มตั้งคำถามและเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับกองทัพรัสเซียที่อ่อนแอลง และภัยความมั่นคงภายในรัสเซียแล้ว
แล้วหากรัสเซียตัดสินใจยกระดับปฏิบัติการทางการทหารต่อยูเครนในตอนนี้ จะทำให้สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนแตกต่างไปจากที่เป็นอยู่หรือไม่? ………อาจเป็นไปได้ว่าไม่แตกต่างไปจากเดิมในระดับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเป้าหมายของรัสเซียที่ปฏิบัติการพิเศษทางการทหารในยูเครนตั้งแต่ตอนเริ่มต้นกับตอนนี้ ยังไม่เปลี่ยนแปลง!! ความมุ่งหมายนั้นยังชัดเจนสะท้อนจากถ้อยแถลงของประธานาธิบดีปูตินเนื่องในวัน Victory Day ว่า การสู้รบในยูเครนก็จะยังดำเนินต่อไป
แต่ความเคลื่อนไหวนี้อาจเป็น “จุดเปลี่ยน” ที่ทำให้รัสเซียกลับไปยกระดับการรักษาความมั่นคงภายในประเทศมากขึ้น นอกเหนือจากที่จะมุ่งให้ความสำคัญกับการปลดปล่อยยูเครนตามเป้าหมายต่อไป…