อียิปต์กำลังเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมของรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP27 ที่เมืองชาร์ม เอล ชีค ระหว่าง 7-18 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งการประชุม COP นี้เป็นความพยายามของนานาชาติในการแก้ไขปัญหาโลกร้อนร่วมกันในหลาย ๆ ด้าน โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ ร่วมมือกันจำกัดไม่ให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.5 องศาเซลเซียส
COP27 จะเป็นโอกาสให้ประเทศต่าง ๆ ร่วมกันหารือแนวทางรับมือกับวิกฤตโลกร้อน โดยปีนี้แบ่งการประชุมเป็นหลายส่วน เช่น การหารือประเด็นการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรม (just transition) เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการแก้ไขปัญหาโลกร้อน ความมั่นคงทางอาหาร นวัตกรรมทางการเงินเพื่อการพัฒนาและสภาพภูมิอากาศ การลงทุนเพื่อพลังงานในอนาคต ความมั่นคงของทรัพยากรน้ำ และการแก้ไขปัญหาโลกร้อนอย่างยั่งยืนให้กลุ่มเปราะบาง…ประเด็นต่าง ๆ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกัน
การประชุมที่อียิปต์ครั้งนี้ให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคอื่น ๆ นอกจากรัฐ เข้าร่วมในการประชุมด้วย โดยเฉพาะเรื่องการใช้นวัตกรรมและวิทยาศาสตร์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด การใช้ประโยชน์จากน้ำ และการทำเกษตรกรรมให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยอียิปต์เปิดให้ภาคเอกชน ภาควิชาการ เยาวชนและสตรีเข้าร่วมในกิจกรรมที่เรียกว่า “Green Zone” เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถจัดกิจกรรมเสวนา Workshop และแสดงผลงานเพื่อเรียกร้องประเด็นโลกร้อนได้
ดูจากวาระการประชุมที่คาดว่าจะมีการพูดคุยกันมากกว่า 300 หัวข้อ และมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 2,000 คน รวมทั้งความพร้อมของอียิปต์ ซึ่งเป็นประเทศที่ 5 ในภูมิภาคที่ได้จัดการประชุม COP …สะท้อนว่าทุกประเทศก็ยังคงให้ความสำคัญกับเป้าหมายรับมือกับวิกฤตโลกร้อน ขณะที่อียิปต์ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าจำกัดความเคลื่อนไหวของนักกิจกรรม ก็พยายามเปิดพื้นที่ให้องค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาสังคมได้มีส่วนร่วมในการประชุมนี้ด้วย
ยังไงก็ตาม COP ครั้งนี้ถูกจับตามองว่าจะเป็นความท้าทายของประเทศต่าง ๆ ขณะที่นักอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อมบางส่วนเริ่มเรียกการประชุมครั้งนี้ว่าเป็นเวที “ฟอกเขียว” หรือ “Greenwashing”
ประเด็นแรก …การประชุมครั้งนี้ถูกมองว่าจะเป็นความท้าทายของผู้แทนหลาย ๆ ประเทศที่ต้องไปรายงานความคืบหน้าทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติที่สะท้อนว่า ประเทศตนเองได้มีความพยายามในการลดโลกร้อน ตามคำมั่นที่ให้ไว้ในความตกลงปารีส (Paris Agreement) ความคืบหน้าในการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นประเทศเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือการเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ที่ผู้แทนแต่ละประเทศต้องมีการเสนอแผนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะหลังจากการประชุม COP26 ที่สหราชอาณาจักรเมื่อปี 2564 หลาย ๆ ประเทศเผชิญอุปสรรคในการดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการลดโลกร้อน เพราะยังไม่สามารถเปลี่ยนไปใช้พลังงานรูปแบบใหม่ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากเกิดวิกฤตพลังงาน ภาวะเศรษฐกิจถดถอย และวิกฤตทางการเมือง ทำให้นโยบายต่าง ๆ มีความคืบหน้าอย่างจำกัด
ยกเว้นก็แต่เรื่องการเก็บ “ภาษีคาร์บอน” ที่ดูจะเป็น 1 ในเรื่องที่หลาย ๆ ประเทศผลักดันอย่างไว เพื่อโน้มน้าวให้ประเทศต่าง ๆ เร่งลดการปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตสินค้า โดยมีข่าวเมื่อตุลาคม 2565 ว่า สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน เตรียมจะใช้มาตรการเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศที่กระบวนการผลิตมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง
ไทยเองก็มีการกำหนดกรอบท่าทีของไทยเพื่อไปเจรจาและแสดงบทบาทใน COP27 เช่นกัน โดยไทยจะไปนำเสนอรายงานอย่างน้อย 4 เรื่อง ครอบคลุมเรื่องการมีส่วนร่วมของไทย ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ แนวทางและกลไกความร่วมมือตามข้อ 6 ของความตกลงปารีส หรือกฎเกณฑ์การดำเนินงานและการจัดทำบัญชีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรายงานเกี่ยวกับการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ …ซึ่งสะท้อนว่าไทยให้ความสำคัญกับการประชุม COP27 แต่ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่นักสิ่งแวดล้อมคาดหวังให้ไทยให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการปรับตัวจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (adaptation) การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ ความสูญเสียและความเสียหายจากการดำเนินนโยบายของรัฐ และความจริงใจในการลดการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานฟอสซิล
ประเด็นที่สอง… คือความท้าทายของประเทศพัฒนาแล้ว ที่ถูกคาดหวังให้มอบความช่วยเหลือแก่ประเทศที่มีรายได้น้อยหรือประเทศกำลังพัฒนา เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาโลกร้อนและสภาพอากาศแปรปรวน…ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจโลกแบบนี้ที่เสี่ยงเผชิญภาวะถดถอยกันถ้วนหน้า ดูเหมือนว่าความหวังที่เงินสนับสนุนจากประเทศที่มีรายได้สูงอาจจำนวนปีละ 100,000 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ ก็จะยังไม่เข้าเป้า เพราะล่าสุดเมื่อกรกฎาคม 2565 องค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development OECD) ก็ออกมาประกาศว่าประเทศร่ำรวยไม่ได้ส่งความช่วยเหลือมากเท่าที่ได้ตกลงกันไว้
ดังนั้น COP27 อาจเป็นเวทีพิสูจน์ความเป็นมหาอำนาจของประเทศใหญ่ ๆ และประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจของโลกที่ต้องแสดงบทบาทด้วยการเพิ่มความช่วยเหลือมากขึ้น เพื่อให้เป็นแรงจูงใจให้ประเทศอื่น ๆ เห็นความสำคัญของการช่วยเหลือระหว่างประเทศมากขึ้น
ประเด็นสุดท้าย …การประชุม COP27 นี้ถูกนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและรณรงค์เรื่องโลกร้อนบางส่วนมองว่าเป็นเวที “ฟอกเขียว” ให้กับผู้แทนรัฐบาล ที่จะมาใช้การประชุมเพื่อประกาศวิสัยทัศน์ แผนการ และจุดมุ่งหมาย โดยไม่มีแผนการ ขั้นตอน หรือเรื่องที่เป็นรูปธรรมหรือเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โดย Greta Thunberg นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดนระบุเมื่อ 31 ตุลาคม 2565 ว่าจะไม่ไปเช้าร่วมการประชุม COP27 เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง โดยนอกจากจะเชื่อว่า COP จะตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้นักการเมืองได้สร้างผลงานและได้รับความสนใจแล้ว Thunberg มองว่า COP ครั้งนี้ไม่มีพื้นที่มากพอให้นักกิจกรรมได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระและปลอดภัย
“ฟอกเขียว” หรือ greenwashing/green sheen อธิบายพฤติกรรมของนักการเมืองหรือผู้ผลิตต่าง ๆ ที่ประกาศ หรือประชาสัมพันธ์ว่าตัวเองได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมมากพอแล้ว โดยใช้ข้อมูลประเภท misleading information หรือข้อมูลบิดเบือนเป็นเครื่องมือโน้มน้าวและทำให้คนทั่วไปเชื่อว่า นโยบายหรือธุรกิจต่าง ๆ นั้นได้ go green หรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นที่เรียบร้อย …แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ดำเนินการในลักษณะนั้นเลย คำเรียกง่าย ๆ ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็นการ “สร้างภาพ” ว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับกลุ่ม Greenpeace ได้ระบุว่า พฤติกรรมฟอกเขียวนี้เกิดขึ้นและกระจายตัวอย่างมากในยุคปัจจุบัน เพราะหลายกลุ่มใช้เรื่องความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในการปรับปรุงภาพลักษณ์การใช้ชีวิตหรือการผลิตสินค้าต่าง ๆ โดยที่ไม่ได้มองสิ่งแวดล้อมในองค์รวมมากพอ นั่นเท่ากับว่าเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างฉาบฉวยและไม่ได้ช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้นจริง ๆ สักเท่าไหร่
กลับไปที่เรื่องการฟอกเขียวในเวทีประชุม COP27 ที่อิยิปต์ แน่นอนว่า…การประกาศนโยบายต่าง ๆ ของผู้แทนประเทศอาจจะถูกโจมตีว่าไม่จริงจังและไม่ได้คิดถึงผลกระทบในภาพรวม แต่ยังไงก็ตาม การประชุม COP27 ครั้งนี้ก็สะท้อนความพยายามของมนุษย์ที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืนมากขึ้น …แม้ว่าแต่ละสังคมอาจจะมีความพร้อมในการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันไป ที่สำคัญ คือ ลองให้โอกาสกัน ร่วมมือกันสร้างความตระหนักรู้ และลงมือทำกันเรื่อย ๆ เพื่อให้แนวคิดการรักษาสิ่งแวดล้อมแบบจริงจังเป็นประเด็นลดพฤติกรรมฟอกเขียวในอนาคตต่อไป
ข้อมูลเพิ่มเติม
หลุมพรางของการฟอกเขียว(greenwashing) – Greenpeace Thailand