ห้วง 10-20 ปีที่ผ่านมา รัสเซีย จีน และยุโรปต่างแข่งขันอิทธิพลในภูมิภาคเอเชียกลาง เพื่อชิงความได้เปรียบในการเข้าถึงทรัพยากรน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุสำคัญ รวมถึงครอบครองพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อควบคุมเส้นทางการค้าระหว่างเอเชียและยุโรป เนื่องจากเอเชียกลางอยู่กึ่งกลางภูมิภาคยูเรเชีย จึงสามารถเชื่อมโยงเส้นทางการค้าระหว่างภูมิภาคที่สำคัญ อาทิ เอเชียใต้ เอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง รวมถึงทะเลดำ และคาบสมุทรบอลข่าน รัสเซียได้เปรียบประเทศยุโรปในการแข่งขันอิทธิพลในประเทศเอเชียกลาง เพราะมีความใกล้ชิดทางประวัติศาสตร์และการเมืองจากการที่ประเทศเอเชียกลางเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทำให้ระบอบการปกครองคล้ายคลึงกันในแง่อำนาจนิยม อีกทั้งผู้นำรัสเซียกับผู้นำประเทศเอเชียกลางทั้ง 5 ประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน ต่างอยู่ในอำนาจยาวนานกว่า 10-20 ปี ทำให้มีความใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์พิเศษส่วนตัวต่อกัน แตกต่างจากประเทศยุโรปที่ส่วนใหญ่มีแนวคิดแบบเสรีนิยม และมักวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลในภูมิภาคเอเชียกลางในประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ รัสเซียและจีนยังมีข้อได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์จากการมีที่ตั้งใกล้กับประเทศเอเชียกลางมากกว่าประเทศยุโรป อีกทั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมดั้งเดิมของประเทศเอเชียกลางก่อสร้างในยุคสหภาพโซเวียตทำให้เส้นทางทั้งถนนและรถไฟเชื่อมโยงเป็นระบบเดียวกับรัสเซีย และเป็นเส้นทางที่ประเทศเอเชียกลางใช้ส่งออกสินค้าหลักสู่ตลาดโลกมายาวนาน ส่วนจีนมีโครงการสร้างเส้นทางรถไฟจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์เชื่อมต่อคีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน-จีน ภายใต้กรอบ Silk Road Economic Belt (SREB) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ที่เริ่มเปิดใช้งานบางส่วนตั้งแต่ปี 2567 ขณะที่ประเทศในยุโรปพยายามผลักดันโครงการก่อสร้างเส้นทางระเบียงขนส่ง (Transport Corridor) ในภูมิภาคเอเชียกลาง แต่อยู่ในขั้นตอนวางแผน…