Universal Design เป็นหลักการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับการใช้งานสำหรับทุกเพศทุกวัย ส่วนมากถูกให้ความหมายครอบคลุมถึงการออกแบบเพื่อรองรับกลุ่มผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ให้สามารถใช้งานอุปกรณ์หรือสถานที่ได้อย่างเท่าเทียมกัน และสามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง เช่น การมีทางลาดสำหรับรถเข็น เสียงเตือนบนชานชาลารถไฟ อักษรนูนต่ำตามป้าย เพื่อชดเชยประสาทสัมผัสที่สูญเสียไปของผู้พิการทางร่างกาย แต่นั่นเป็นเพียงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งในสังคมแห่งความหลากหลายเท่านั้น ในปัจจุบัน ความหลากหลายทางสังคมได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง บางกลุ่มอยู่ในช่วงของการโต้แย้งเพื่อสร้างความยอมรับในสังคม หรือบางกลุ่มก็เป็นกลุ่มที่ไม่เคยได้รับความเท่าเทียมในสังคมใดสังคมหนึ่งมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือเพศหญิง ซึ่งการจะทำให้การออกแบบนั้นสอดคล้องกับหลักการเรื่องความหลากหลาย ผู้ออกแบบจำเป็นต้นคำนึงถึงเรื่องอื่น ๆ นอกเหนือจากการสร้างความสะดวกสบายเพื่อลดข้อจำกัดทางด้านกายภาพด้วย โดยเฉพาะการคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยและการเอื้อประโยชน์ต่อการใช้งาน ที่อาจจะต้องแลกมากับการเปลี่ยนค่านิยมของสังคมไปด้วย ลองจินตนาการเมืองที่มี Universal Design ที่เอื้อต่อการใช้งานของเด็กหรือเยาวชน กลุ่มคนที่มีอายุ 6-17 ปี ที่จะสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องให้ผู้ปกครองคอยดูแล นั่นหมายถึงเมืองที่มีความปลอดภัยสูง และเพื่อส่งเสริมให้เยาวชนเติบโตขึ้นมาเป็นประชากรที่มีคุณภาพสมวัย หน้าที่เมืองจะต้องส่งเสริมการสร้างสรรค์ กระตุ้นการเรียนรู้ สร้างประสบการณ์การเรียนรู้ตลอดการเติบโต ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างพิพิธภัณฑ์หรือลานกิจกรรมเพียงเท่านั้น แต่การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เอื้อต่อการรับรู้ทักษะทางด้านต่างๆ ช่วยดึงเด็กออกจากห้องและหน้าจอ เพื่อมาใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคม และเติบโตเป็นพลเมืองที่มีจิตสาธารณะหวงแหนในชุมชนของตนเอง ปัญหาการกดขี่เพศหญิงในอดีตทุเลาลงในปัจจุบัน ทำให้มีการออกแบบที่เอื้อต่อผู้หญิงมากขึ้น เช่น การให้ขนาดพื้นที่ห้องน้ำหญิงใหญ่กว่าห้องน้ำชายตามพฤติกรรมการใช้งาน มีห้องให้นมบุตรสำหรับมารดา ประตูอัตโนมัติที่ไม่ต้องใช้แรงมากในการเปิด จนไปถึงสุขภัณฑ์สำหรับการยืนปัสสาวะสำหรับผู้หญิง แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักก็ตาม แต่ในปัจจุบัน “เพศ” ไม่ได้มีเพียงแค่ชายหญิงเพียงเท่านั้น เพศทางเลือกอื่นๆ…