The Intelligence Weekly Review (20/08/2023)
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
สำนักข่าว Press TV และสำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่าน รายงานเมื่อ 16 ส.ค.66 ว่า ในวันเดียวกันนี้ พลจัตวา Amir Aziz Nasirzadeh รองเสนาธิการกองทัพอิหร่าน พบหารือกับพลตรี Talal bin Abdullah bin Turki Al-Otaibi ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย นอกรอบการประชุมความมั่นคงระหว่างประเทศครั้งที่ 11 ที่กรุงมอสโก รัสเซีย (Moscow Conference on International Security-MCIS) เมื่อ 15 ส.ค.66 ซึ่งรัสเซียเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี ในการพบหารือ รองเสนาธิการกองทัพอิหร่านและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบีย เห็นตรงกันที่จะเร่งแต่งตั้งผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร (Military Attaché) ประจำประเทศระหว่างกัน รวมถึงหารือเกี่ยวกับแผนการดำเนินความร่วมมือทวิภาคีด้านความมั่นคงและการทหาร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ การพบหารือดังกล่าว เป็นการพบหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการทหารระดับสูงของอิหร่านและซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ทั้งสองฝ่ายบรรลุการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันเมื่อ มี.ค.66
สำนักข่าว SPA ของทางการซาอุดีอาระเบีย และสำนักข่าว Al Mayadeen ของเลบานอน รายงานเมื่อ 16 ส.ค.66 ว่า นาย Majed bin Abdullah bin Hamad Al-Hogail รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการเทศบาลเมืองและชนบทของซาอุดีอาระเบีย ระบุในที่ประชุมธุรกิจซาอุดีอาระเบีย-จีน (Saudi-Chinese Business Forum) ซึ่งจัดที่กรุงปักกิ่ง จีน ในวันเดียวกันว่า ซาอุดีอาระเบียพร้อมเพิ่มความร่วมมือในการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์กับจีนจากปัจจุบันที่ซาอุดีอาระเบียมีความร่วมมือกับบริษัทจีนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย มูลค่า 799 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในช่วงนอกรอบการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการเทศบาลเมืองและชนบทของซาอุดีอาระเบียร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การจัดหาเงินทุน และโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย ระหว่างบริษัทและธนาคารของซาอุดีอาระเบียกับจีน จำนวน 12 ฉบับ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พล.ต.ท. Tebello Mosikili รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแอฟริกาใต้ แถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อ 17 ส.ค.66 ว่า หน่วยงานด้านความมั่นคง National Joint Operational and Intelligence Structure (NATJOINTS) ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ เพื่อรักษาความปลอดภัยในห้วงการประชุมสุดยอดผู้นำ BRICS ครั้งที่ 15 ซึ่งจะจัดที่ศูนย์การประชุม Sandton เมืองโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ระหว่าง 22-24 ส.ค.66 โดยรัฐบาลและหน่วยงานในพื้นที่จะประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมระดับสูงสุดในการต้อนรับผู้นำ BRICS และคณะผู้ติดตาม เช่น จัดกองกำลังรักษาความปลอดภัยเพื่อดูแลพื้นที่โดยรอบการประชุม การบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นสูงสุดต่อผู้ก่อเหตุ และการปิดถนนบริเวณโดยรอบระหว่าง 20-24 ส.ค.66 นอกจากนี้ ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน และขอให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงอย่างเคร่งครัดด้วย
สำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่าน และสำนักข่าว SPA ของทางการซาอุดีอาระเบีย รายงานเมื่อ 17 ส.ค.66 ว่า นาย Hossein Amir-Abdollahian รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนซาอุดีอาระเบีย แถลงร่วมกับเจ้าชาย Faisal bin Farhan รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังเสร็จสิ้นการพบหารือในวันเดียวกันนี้ว่า การพบหารือครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและอยู่บนแนวทางที่ดี สานต่อขั้นตอนการดำเนินการตามข้อตกลงฟื้นฟูทางการทูตระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบีย หลังจากทั้งสองประเทศแต่งตั้งเอกอัครราชทูต และกลับมาเปิดสถานเอกอัครราชทูตระหว่างกันอย่างเป็นทางการ เมื่อ มิ.ย.66 โอกาสนี้ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันจะกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือระดับทวิภาคีในด้านต่าง ๆ ครอบคลุมด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม บนพื้นฐานการส่งเสริมเสถียรภาพของทั้งสองประเทศ รวมถึงภูมิภาค ซึ่งอิหร่านเสนอให้จัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือพิเศษในด้านต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายสนใจร่วมกัน และยังได้หารือเรื่องการจัดตั้งสภาความร่วมมือระหว่างประเทศ (Bilateral Relations Coordination Council) โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเป็นประธานสภาฯ ร่วม เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทวิภาคีให้เกิดความก้าวหน้า นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียแสดงความคาดหวังให้ประธานาธิบดีอิบรอฮีม เราะอีซีของอิหร่าน ตอบรับการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ การเยือนของนาย Abdollahian เป็นการเยือนระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่านครั้งแรกในรอบ 7 ปี นับจากซาอุดีอาระเบียตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่านเมื่อปี…
สำนักข่าว VNexpress International รายงานอ้างถ้อยแถลงของนาง Pham Thu Hang โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เมื่อ 17 ส.ค.66 ย้ำถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเวียดนามกับสหรัฐฯ ที่มีความใกล้ชิดทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี ในฐานะเป็นหุ้นส่วนแบบรอบด้าน (Comprehensive Partnership) และได้หารือการยกระดับความสัมพันธ์ใหม่ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นบนเงื่อนไขความพร้อมร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาทั้งในระดับทวิภาคี พหุภาคี และระดับโลก ทั้งนี้ เวียดนามและสหรัฐฯ สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 2538 และยกระดับเป็นหุ้นส่วนแบบรอบด้านเมื่อปี 2556 สำหรับการค้าทวิภาคีเมื่อปี 2565 มีมูลค่า 123,860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากเมื่อปี 2564 โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 และเป็นคู่ค้าอันดับสองของเวียดนาม และสหรัฐฯ ลงทุนในเวียดนามมากเป็นอันดับ 11 รวมมูลค่ามากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าว Vietnam Plus รายงานเมื่อ 17 ส.ค.66 อ้างถ้อยแถลงของนาง Pham Thu Hang โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามในวันเดียวกันว่า ประธานาธิบดีคาซีม-โยมาร์ต โตคาเยฟ ของคาซัคสถาน กำหนดจะเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการระหว่าง 20-22 ส.ค.66 ซึ่งเป็นการเยือนเวียดนามครั้งแรกในรอบ 12 ปี ของผู้นำคาซัคสถาน ทั้งนี้ เวียดนามและคาซัคสถานสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อปี 2535 การค้าทวิภาคีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 28 ต่อปี โดยเมื่อปี 2565 มีมูลค่า 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีการตั้งเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2573 ปัจจุบันคาซัคสถานลงทุนในเวียดนาม 5 โครงการ ในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี โทรคมนาคมและการสื่อสาร และธุรกิจค้าปลีก รวมมูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ
สำนักข่าว Reuters รายงานเมื่อ 16 ส.ค.66 ว่า รัฐบาลตอลิบันเฉลิมฉลองครบรอบ 2 ปีในการกลับสู่อำนาจ และปกครองประเทศภายใต้ระบบอิสลาม เมื่อ 15 ส.ค.66 ซึ่งรัฐบาลประกาศให้เป็นวันหยุดด้วย อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติ (United Nations-UN) ระบุว่า นับตั้งแต่ตอลิบันคืนสู่อำนาจ สิทธิของผู้หญิงภายในประเทศถูกลิดรอนมากขึ้น จากเดิมที่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างอิสระในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ภายใต้การปกครองของรัฐบาลที่มีชาติตะวันตกหนุนหลัง แต่ปัจจุบันเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 12 ปี จะถูกห้ามเรียนต่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้หลายประเทศไม่ให้การรับรองรัฐบาล ผู้แทนพิเศษของ UN ก็ระบุด้วยว่า ภายใต้การปกครองของตอลิบันทำให้การทุจริตเงินช่วยเหลือจากต่างชาติลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้เกิดการทุจริตอย่างมากในช่วงที่ตอลิบันถูกโค่นอำนาจเมื่อปี 2544 และรัฐบาลตอลิบันยังให้ความสำคัญกับการปราบปรามฝิ่น ซึ่งทำให้พื้นที่ปลูกฝิ่นในปัจจุบันลดลงอย่างมาก
หนังสือพิมพ์ Jakarta Globe รายงานเมื่อ 16 ส.ค.66 อ้างถ้อยแถลงของนาย Berlianto Pandapotan ผู้อำนวยการฝ่ายความร่วมมือเศรษฐกิจอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ว่า อินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียน เตรียมส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ในภูมิภาค ภายใต้กรอบอาเซียน+3 (สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศกับจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น) ตามปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค (ASEAN Leaders’ Declaration on Developing Regional Electric Vehicle Ecosystem) ที่ผู้นำอาเซียนให้การรับรองในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 เมื่อ พ.ค.66 ทั้งนี้ คาดว่าอาเซียน+3 จะออกแถลงการณ์ว่าด้วยการสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (ASEAN Plus Three leaders’ statement on EV Ecosystem) ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 43 ใน ก.ย.66
หนังสือพิมพ์ Khmer Times รายงานเมื่อ 16 ส.ค.66 อ้างผลการประชุมเตรียมความพร้อมมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับพิธีเปิดประชุมสภาแห่งชาติกัมพูชา ชุดที่ 7 เมื่อ 14 ส.ค.66 ว่านาย Khuong Sreng ผู้ว่าราชการราชธานีพนมเปญ สั่งการให้เตรียมเจ้าหน้าที่และกำลังพลจากทั้ง 14 เขตในราชธานีพนมเปญ และให้ความสำคัญกับมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดระหว่างพิธีเปิดประชุมสภาแห่งชาติและพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของรัฐบาลชุดใหม่ ใน 21-22 ส.ค.66 พระบาทสมเด็จพระบรมนารถนโรดม สีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา จะเสด็จฯ มาทรงทำพิธีเปิดประชุมสภาแห่งชาติ ชุดที่ 7 สมัยสามัญ ใน 21 ส.ค.66 จากนั้นจะเลือกประธานและรองประธานสภาแห่งชาติ เลือกประธานและรองประธานคณะกรรมาธิการสภาฯ และ ลงมติรับรองรัฐบาลใหม่ นอกจากนี้ ทางการราชธานีพนมเปญจะวางกำลังพลทุกพื้นที่เพื่อรักษาความมั่นคง ความปลอดภัย และความสงบเรียบร้อยในห้วงดังกล่าว