The Intelligence Weekly Review (22/10/2023)
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
สำนักข่าวบลูมเบอร์ก รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดรัฐบาลสหรัฐฯ เมื่อ 21 ต.ค.66 ว่า สหรัฐฯ และอิสราเอลอาจผลักดันการจัดตั้งรัฐบาลรักษาการในฉนวนกาซา หลังสิ้นสุดการสู้รบกับกลุ่มฮะมาส โดยคาดหวังจะได้รับการสนับสนุนจากองค์การสหประชาชาติและประเทศอาหรับ อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวอยู่ในช่วงเริ่มต้น และจะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์สู้รบ เฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอล ขณะที่นาย William Usher อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency – CIA) ที่รับผิดชอบภารกิจภูมิภาคตะวันออกกลาง ประเมินว่า การจัดตั้งรัฐบาลรักษาการดังกล่าวจะเผชิญความท้าทายในการยอมรับจากประเทศอาหรับ และความไว้วางใจจากอิสราเอล
สำนักข่าว Al Jazeera รายงานเมื่อ 22 ต.ค.66 ว่ากระทรวงการต่างประเทศของ Palestinian Authority (PA) ซึ่งเป็นองค์การบริหารดินแดนยึดครองในเขตเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์ ภายใต้การนำของนายมะห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ (นานาชาติให้การรับรอง) ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกันนี้ เรียกร้องให้ประชาคมโลกจริงจังต่อการกดดันอิสราเอลให้ยุติการรุกรานปาเลสไตน์ และช่วยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมถูกส่งเข้าไปในดินแดนปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ PA เห็นว่าการที่อิสราเอลส่งเครื่องบินรบยิงขีปนาวุธโจมตีมัสยิด Al-Ansar ใกล้ค่ายผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน ในเมือง Jenin เขตเวสต์แบงก์ เมื่อห้วงเช้าวันเดียวกันนี้ เป็นการยกระดับการโจมตีทางอากาศที่เป็นอันตราย และเป็นความพยายามที่จะจำลองการโจมตีทางอากาศต่อฉนวนกาซา ทั้งนี้ด้านอิสราเอลอ้างว่า มัสยิด Al-Ansar ในเมือง Jenin เขตเวสต์แบงก์ มีห้องใต้ดินที่กลุ่มฮะมาสและกลุ่ม Palestinian Islamic Jihad (PIJ) ในเขตเวสต์แบงก์ ใช้ประชุมวางแผนก่อเหตุโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ต.ค.66 รวมถึงเก็บซ่อนอาวุธ โดยการโจมตีดังกล่าวส่งผลให้พลเรือนชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 3 คน
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The Times of Israel รายงานอ้างสำนักข่าว Ynet ของอิสราเอล เมื่อ 22 ต.ค.66 ว่า หน่วยข่าวกรองอิสราเอล Mossad และ Shin Bet จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษ Nili เพื่อติดตามและสังหารสมาชิกแกนนำ สมาชิกปฏิบัติการ และ ผู้บังคับบัญชากองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮะมาสในปาเลสไตน์ (Nukbha fighters) ที่เป็นผู้นำการโจมตีอิสราเอลเมื่อ 7 ต.ค.66 โดยเฉพาะ นาย Muhammad Deif ผู้นำกองกำลังติดอาวุธ และนาย Yahya Sinwar ผู้นำฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮะมาส ทั้งนี้ การโจมตีทางอากาศในฉนวนกาซาของอิสราเอล ตั้งแต่ 8 ต.ค.66 สังหารสมาชิกระดับแกนนำของกลุ่มฮะมาสได้แล้วมากกว่า 10 คน
สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ/กรุงเทลอาวีฟ ประกาศว่า จุดข้ามแดนฉนวนกาซา-ด่าน Rafah อียิปต์ อาจเปิดให้ข้ามแดนใน 21 ต.ค.66 เวลา 10.00 น. (ตามเวลาอิสราเอล และไม่ระบุระยะเวลาในการเปิดให้ชาวต่างชาติข้ามแดน) พร้อมทั้งเตือนพลเมืองสหรัฐฯ ให้ระมัดระวังเหตุวุ่นวาย เนื่องจากสหรัฐฯ ประเมินว่า จะมีประชาชนจำนวนมากที่ต้องการข้ามแดน
สำนักข่าว Foxnews รายงานการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ในหลายเมืองของสหรัฐฯ เมื่อ 21 ต.ค.66 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยไม่มีเหตุปะทะรุนแรง อาทิ ถือธงปาเลสไตน์ ปราศรัยเรียกร้องอิสราเอลให้ยุติการโจมตีในฉนวนกาซา และโจมตีนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลว่าเป็นอาชญากรสงคราม พื้นที่ชุมนุมต่อต้านอิสราเอลในสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ บริเวณ Pershing Square เมืองลอสแอนเจลิส ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,000 คน และการชุมนุมกดดันให้วุฒิสภาสนับสนุนการหยุดยิงในฉนวนกาซา บริเวณหน้าอาคารสำนักงานของนางแนนซี เพโลซี ในเมืองซานฟรานซิสโก และสำนักงานของนาง Kirsten Gillibrand ในนครนิวยอร์ก ขณะเดียวกัน ผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ยังรวมตัวบริเวณสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในประเทศมุสลิมหลายประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอิรัก เพื่อต่อต้านกรณีสหรัฐฯ สนับสนุนอิสราเอล
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานเมื่อ 20 ต.ค.66 อ้างแถลงการณ์ของกระทรวงพลังงาน สหรัฐฯ เมื่อ 19 ต.ค.66 ว่า สหรัฐฯ เตรียมจัดซื้อน้ำมันดิบปริมาณ 6 ล้านบาร์เรล เพื่อเพิ่มเติมคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ (Strategic Petroleum Reserve-SPR) ในห้วง ธ.ค.66 – ม.ค.67 เพื่อสำรองน้ำมันในภาวะฉุกเฉิน โดยจะจัดซื้อน้ำมันดิบในระดับราคา 79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือต่ำกว่านั้น ซึ่งสูงกว่าระดับราคาซื้อเดิมที่เคยกำหนดไว้ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่ยังต่ำกว่าระดับราคาซื้อขายล่วงหน้าที่ประมาณ 90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และมีแผนจะเพิ่มการสำรองน้ำมันอย่างต่อเนื่องจนถึง พ.ค.67 ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในภูมิภาคตะวันออกกลางที่อาจหยุดชะงักจากการลุกลามของความขัดแย้งอิสราเอล-ฮะมาส ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และออสเตรเลียเตือนเมื่อ 19 ต.ค.66 ให้ประชาชนของตนออกจากเลบานอน เนื่องจากอาจเกิดความไม่ปลอดภัยจากการที่อิสราเอล และกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ทางตอนใต้ของเลบานอนจะตอบโต้กันมากขึ้น ก่อนหน้านี้ก็มีบางประเทศเตือนอาทิ สเปน ฝรั่งเศส และแคนาดา เป็นต้น นอกจากนี้ คำประกาศการเตือนภัยไปยังเลบานอนต่อชาวอเมริกันของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 17 ต.ค.66 ยังอยู่ในระดับสูงสุด
สำนักข่าวนิวยอร์กไทมส์ รายงานเมื่อ 19 ต.ค.66 อ้างรายงานของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency -CIA) ซึ่งระบุว่า อิสราเอลไม่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีโรงพยาบาลในฉนวนกาซาเมื่อ 17 ต.ค.66 และประเมินว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุโจมตีดังกล่าวประมาณ 100-300 คน โดยพบว่าอาคารบริเวณโรงพยาบาลได้รับความเสียหายเล็กน้อยบริเวณหลังคา แต่โครงสร้างยังคงแข็งแรง อย่างไรก็ดี CIA จะติดตามสถานการณ์ต่อไป
สำนักข่าว Xinhua รายงานอ้างแถลงการณ์กระทรวงพาณิชย์และศุลกากรของจีน เมื่อ 20 ต.ค.66 ประกาศควบคุมการส่งออกแร่กราไฟต์สังเคราะห์ (artificial graphite) และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องรวม 9 รายการ โดยเฉพาะแร่กราไฟต์ที่มีความบริสุทธ์ตั้งแต่ร้อยละ 99.9 มีความแข็งมากกว่า 30 เมกะปาสคาล และมีความหนาแน่นอย่างน้อย 1.73 กรัม/คิวบิกเซนติเมตร รวมทั้งผงกราไฟต์ธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ส่งออกต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.66 โดยแร่กราไฟต์สังเคราะห์เป็นวัสดุสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์เบรกรถยนต์ และประเทศผู้นำเข้าแร่กราไฟต์สำคัญของจีน ได้แก่ สหรัฐฯ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น โปแลนด์ และอินเดีย