27 ประเทศและ EU ร่วมเรียกร้องยุติสงครามในฉนวนกาซา
สหภาพยุโรป (EU) ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจาก 27 ประเทศออกถ้อยแถลงร่วมกันเมื่อ 21 กรกฎาคม 2568 เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติสงครามในฉนวนกาซา จากการทำสงครามที่ยื้อเยื้อตั้งแต่ตุลาคม 2566 ส่งผลกระทบต่อพลเรือนจำนวนมาก และอาจทำให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรมระยะยาวต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ถ้อยแถลงดังกล่าวยังคัดค้านกรณีอิสราเอลมีนโยบายสร้างเมืองมนุษยธรรม หรือ humanitarian city ในพื้นที่ตอนใต้ของเมือง Rafah เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวของชาวปาเลสไตน์ด้วย เนื่องจากเป็นนโยบายที่เข้าข่ายการบังคับให้กลายเป็นผู้พลัดถิ่นและละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ นานาชาติยังวิจารณ์กระบวนการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอิสราเอลในปัจจุบันเชิงลบว่าเป็นอันตรายต่อชาวปาเลสไตน์ เพราะนอกจากจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวปาเลสไตน์แล้ว ยังมีรายงานการโจมตีพลเรือนที่อยู่ระหว่างรอรับความช่วยเหลือด้วยตั้งแต่พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา ทั้งนี้ มีสถิติจากกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UN) ว่าอิสราเอลสังหารชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ใกล้จุดหรือศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างน้อย 880 คน ถ้อยแถลงดังกล่าวมีเนื้อหาสาระสำคัญอื่น ๆ คือ ให้ยุติการโจมตีพื้นที่พลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาลและศูนย์แจกจ่ายความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมทั้งเสนอแนะให้อิสราเอลและกลุ่มฮะมาสทำข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันเพื่อเป็นขั้นตอนเริ่มต้นการยุติความขัดแย้ง เลขาธิการสหประชาชาติสนับสนุนถ้อยแถลงและข้อเรียกร้องดังกล่าว ด้านนักวิเคราะห์ในต่างประเทศมีมุมมองว่าถ้อยแถลงครั้งนี้มีความสำคัญและน่าสนใจ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากหลายประเทศที่ก่อนหน้านี้จะหลีกเลี่ยงการแสดงท่าทีสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ ถ้อยแถลงดังกล่าวยังมีประเทศยุโรปที่ร่วมสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น คือ สหราชาอาณาจักรและฝรั่งเศส รวมทั้งมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากประเทศนอกยุโรป ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณสะท้อนว่าประเทศต่าง ๆ แม้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอิสราเอลอาจต้องการเพิ่มแรงกดดันอิสราเอลผ่านกลไกการทูต อย่างไรก็ดี…