CyberXplore ปักษ์หลัง มี.ค.2568
CyberXplore ฉบับปักษ์หลังเดือนมีนาคม 2568 รายงานสถานการณ์ไซเบอร์รอบโลก รายปักษ์ ทุก 15 วัน
CyberXplore ฉบับปักษ์หลังเดือนมีนาคม 2568 รายงานสถานการณ์ไซเบอร์รอบโลก รายปักษ์ ทุก 15 วัน
สนข.รอยเตอร์ส รายงานอ้างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 30 มี.ค.68 ว่า มาตรการภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ที่สหรัฐฯ จะประกาศบังคับใช้ใน 2 เม.ย.68 จะมีผลกับทุกประเทศ ไม่เฉพาะแค่ 10 -15 ประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ โดยเห็นว่ามาตรการภาษีเป็นวิธีปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในตลาดการค้าโลก และเป็นการต่อรองเพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีกว่า อย่างไรก็ดี สงครามการค้าที่เป็นผลจากการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ สร้างความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการค้าโลกและสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ
สนข.Politico EU รายงานเมื่อ 30 มี.ค.68 ว่า ภาครัฐและภาคเอกชนในยุโรปวิจารณ์ข้อเรียกร้องของ กต.สหรัฐฯ ที่ให้บริษัทต่าง ๆ ในฝรั่งเศส อิตาลี สเปน และเบลเยียม ยกเลิกนโยบายความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (Diversity, Equity and Inclusion – DEI) พร้อมขู่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยฝรั่งเศสประณามการกระทำดังกล่าวว่า เป็นการแทรกแซงกิจการภายใน ขณะที่นาง Aurore Bergé รมว.กระทรวงความเท่าเทียมทางเพศของฝรั่งเศสยืนยันว่า ธุรกิจต่าง ๆ จะยังคงส่งเสริมความก้าวหน้าทางสังคมต่อไป เช่นเดียวกับนายแจน จัมบอน รอง นรม.เบลเยียมที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการไม่เลือกปฏิบัติของยุโรป ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องจากสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายภาษีที่จะประกาศใน 2 เม.ย.68 ยังอาจทำให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทวีความรุนแรงขึ้น
เว็บไซต์ สนง.นรม.ญี่ปุ่น รายงานเมื่อ 30 มี.ค.68 ว่า นายอิชิบะ ชิเกรุ นรม.ญี่ปุ่น ให้การต้อนรับ นายปีเตอร์ เฮกเซธ รมว.กห.สหรัฐฯ เมื่อวันเดียวกัน ที่กรุงโตเกียว ในโอกาสเยือนญี่ปุ่น นรม.ญี่ปุ่นยินดีต่อการเยือนในครั้งนี้ และพร้อมทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อสร้างภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศระหว่างกัน เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการยับยั้งและตอบโต้ อาทิ การยกระดับการบังคับบัญชาและการควบคุมของกองกำลังญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ การเสริมสร้างกองกำลังญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ในหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ และการเสริมสร้างเครือข่ายของประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน
นสพ.Global Times รายงานเมื่อ 31 มี.ค.68 อ้างประกาศของบริษัท China National Offshore Oil Corporation-CNOOC ในวันเดียวกันว่า สำรวจพบแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสำรองขนาดใหญ่ที่แหล่งฮุ่ยโจว (Huizhou 19-6) ทาง ตอ.ของทะเลจีนใต้ ห่างจากมณฑลกวางตุ้งประมาณ 170 กม. ที่ระดับความลึกประมาณ 100 เมตร ซึ่งต้องใช้แท่นขุดเจาะน้ำมันแบบลึกพิเศษ ทั้งนี้ จากการสำรวจเบื้องต้นคาดว่ามีปริมาณน้ำมันดิบสำรองที่ยืนยันได้ในแหล่งดังกล่าวมากกว่า 100 ล้านตัน สามารถผลิตน้ำมันดิบได้ประมาณ 413 บาร์เรล และก๊าซธรรมชาติประมาณ 68,000 ลบ.ม.ต่อวัน
กต.ไต้หวันออกแถลงการณ์เมื่อ 30 มี.ค.68 ว่า ไต้หวันพร้อมมอบความช่วยเหลือให้แก่ไทยและเมียนมาที่ประสบเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 28 มี.ค.68 โดยสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในไทยและเมียนมาได้แจ้งให้รัฐบาลทั้งสองประเทศทราบถึงความพร้อมของไต้หวันที่จะส่งทีมและอุปกรณ์สำหรับการค้นหาและกู้ภัย ขณะที่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปในเมียนมารายงานว่า พบหญิงชาวไต้หวันที่หายสาบสูญในสภาพที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ไต้หวันขอให้ไทยและเมียนมาให้ความชัดเจนของสถานการณ์ในพื้นที่ประสบภัยก่อนตอบรับความช่วยเหลือจากไต้หวัน เนื่องจากการเดินทางเข้าเมียนมายังคงยากลำบาก ทั้งนี้ กต. ไต้หวัน ได้แก้ไขปรับปรุงคำแนะนำการเดินทาง (Travel Advisory) เมื่อช่วงค่ำ 28 มี.ค.68 ขอให้ชาวไต้หวันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังกรุงเนปยีดอ และเมืองมัณฑะเลย์ในเมียนมา
นสพ. The Global New Light of Myanmar รายงานเมื่อ 31 มี.ค.68 ว่า อูตานซเว รอง นรม.และ รมว.กต.เมียนมา เข้าร่วมการประชุมวาระพิเศษฉุกเฉินของ รมว.กต.อาเซียน ต่อกรณีแผ่นดินไหวในเมียนมา ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อ 30 มี.ค.68 และได้แสดงความขอบคุณต่อผู้ให้การสนับสนุนและช่วยเหลือครั้งนี้ รวมทั้งได้ชี้แจงการดำเนินการของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ในการบรรเทาทุกข์และฟื้นฟูผู้ประสบภัยจากเหตุแผ่นดินไหว และประกาศภาวะฉุกเฉินในประเทศทันทีในวันที่เกิดภัยพิบัติ เมื่อ 28 มี.ค.68 ปัจจุบัน SAC ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยจัดหาน้ำดื่ม อาหาร และที่พักชั่วคราวให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูกับระบบขนส่งและระบบไฟฟ้าให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า เมียนมายังต้องได้รับการสนับสนุนอย่างเร่งด่วนในด้านการค้นหาผู้ประสบภัย การจัดที่พักพิงชั่วคราว การรักษา โดยพร้อมอำนวยความสะดวกในการขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังผู้ได้รับผลกระทบ
สื่อต่างประเทศรายงานเมื่อ 31 มี.ค. 68 ว่า กองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีฉนวนกาซาต่อเนื่อง แม้ว่าชาวปาเลสไตน์และชาวมุสลิมทั่วโลกจะอยู่ในช่วงเทศกาลการฉลองละศีลอดระหว่าง 30-31 มี.ค.68 โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีในฉนวนกาซาอย่างน้อย 20 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก นอกจากนี้ อิสราเอลยังประกาศใช้ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่เมือง Rafah ตอนใต้ของฉนวนกาซา อพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเตรียมจะปฏิบัติการทางทหาร อย่างไรก็ตาม สื่อรายงานว่าชาวปาเลสไตน์มากกว่า 50,000 คนไม่สามารถออกจากพื้นที่ได้ เนื่องจากบริเวณใกล้เคียงอื่น ๆ ไม่มีทรัพยากรมากเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน นานาชาติวิตกว่าอิสราเอลกำลังใช้สงครามบีบบังคับให้ชาวปาเลสไตน์ต้องย้ายถิ่น
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ใน 2 เมษายน 2568 เพื่อรักษาดลุการค้าสหรัฐฯ และส่งสัญญาณให้ประเทศคู่ค้าพิจารณาปรับนโยบายการค้าให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของชาวอเมริกันมากขึ้น โดยประธานาธิบดีทรัมป์เรียกการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าครั้งนี้ว่าเป็น “Liberation Day” ของชาวอเมริกัน เพราะชาวอเมริกาจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้ที่ทำให้ชาวอเมริกันไม่ต้องอยู่ภายใต้นโยบายที่ไม่เป็นธรรมอีกต่อไป และคาดว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอย่างน้อยร้อยละ 10 จะช่วยเพิ่มตำแหน่งงานในสหรัฐฯ มากขึ้นเกือบ 3 ล้านตำแหน่ง
ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากพายุไซโคลนเป็นประจำ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อน พายุไซโคลนที่พัดขึ้นฝั่งสามารถสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจ และชีวิตของประชาชนภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและภาวะโลกร้อนยังเพิ่มโอกาสให้พายุไซโคลนมีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลออสเตรเลียต้องลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้แข็งแรงขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยและการให้ความรู้แก่ประชาชน ความสำคัญอีกประการหนึ่งคือด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากอุตสาหกรรมหลักของออสเตรเลีย เช่น การทำเหมืองแร่ การประมง และการท่องเที่ยว ล้วนพึ่งพาสภาพอากาศที่ปลอดภัย หากเกิดภัยพิบัติอย่างรุนแรง สิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง นอกจากนี้ การฟื้นฟูหลังพายุก็ต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ทำให้การเตรียมพร้อมรับมือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า ลักษณะของพายุไซโคลนในออสเตรเลีย พายุไซโคลนเขตร้อนมักก่อตัวในมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกตอนใต้ โดยมีฤดูพายุหลักอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน พายุไซโคลนถูกจัดระดับความรุนแรงตั้งแต่ระดับ 1 (อ่อนที่สุด) ไปจนถึงระดับ 5 (รุนแรงที่สุด) พายุระดับสูงสุดสามารถทำให้เกิดลมกระโชกแรงมากกว่า 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฝนตกหนักหลายร้อยมิลลิเมตร และทำแลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน คลื่นพายุซัดฝั่ง (storm surge) ซึ่งเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่เกิดจากแรงลมของพายุ อาจทำให้พื้นที่ชายฝั่งถูกน้ำทะเลท่วมอย่างรุนแรง ในเรื่องของผลกระทบของพายุไซโคลน เมื่อพายุไซโคลนขึ้นฝั่ง จะส่งผลกระทบในหลายด้าน ได้แก่ ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น บ้านเรือน อาคาร ถนน และสะพานที่ไม่ได้ออกแบบให้ทนต่อแรงลมสูงได้รับความเสียหายอย่างหนัก นอกจากนี้ ฝนที่ตกหนักจากพายุอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ส่งผลกระทบต่อชุมชนและพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้งกระแสลมแรงยังอาจพัดเสาไฟฟ้าและเสาสัญญาณโทรศัพท์ล้มลง ทำให้ไฟฟ้าดับและการสื่อสารถูกตัดขาด…