ชวนทำความรู้จักลัทธิบูชาตัวบุคคล หรือ Cult of Personality ปรากฏการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อสังคมและปัจเจกบุคคลทั้งเชิงบวกและเชิงลบ และอาจกลายมาเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในสังคมไทยได้
พบกับรายการ The Intelligence Updates อัปเดตสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าสนใจ ซึ่งเราจะรวบรวมสถานการณ์น่าสนใจทั่วทุกมุมโลกมาอัปเดตให้ท่านผู้ฟังแบบเรียลไทม์ วันนี้เราจะมาพูดคุยเรื่อง “อัปเดตความมั่นคงในเอเชียตะวันออก”
ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแพร่แถลงการณ์เมื่อ 25 ก.ย.66 ว่า ในวันเดียวกันนี้ สหรัฐฯ จัดการประชุมสุดยอดสหรัฐฯ-องค์กรการประชุมหมู่เกาะแปซิฟิก (PIF-Pacific Islands Forum ) ที่วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับ 18 ประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก รวมถึงสกัดกั้นอิทธิพลของจีนที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาค สาระสำคัญของการประชุมมีดังนี้ 1) สหรัฐฯ จะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเพิ่มพูนความร่วมมือกับกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก อาทิ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน การส่งเสริมภารกิจของ PIF และการรับมือกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ 2) สหรัฐฯ รับรองอธิปไตยและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับหมู่เกาะคุก และนีอูเอ
สำนักข่าว Middle East Eye รายงานเมื่อ 26 ก.ย.66 อ้างผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกัน 2,041 คน ในสหรัฐฯ จัดทำโดย Harris poll และสถาบัน Quincy ของสหรัฐฯ (Quincy Institute for Responsible Statecraft) ระหว่าง 29-31 ส.ค.66 ว่า ชาวอเมริกันร้อยละ 55 คัดค้านกรณีสหรัฐฯ พิจารณาจัดทำสนธิสัญญาป้องกันประเทศกับซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการสนับสนุนอาวุธและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ให้ซาอุดีอาระเบียใช้ในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพยายามผลักดันการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอล เนื่องจากเห็นว่าจะส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ และไม่มีเหตุผลจำเป็นที่สหรัฐฯต้องส่งทหารอเมริกันไปช่วยปกป้องซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ภาคประชาสังคม กลุ่มสิทธิมนุษยชน ตลอดจนสมาชิกสภานิติบัญญัติสหรัฐฯ บางส่วน แสดงท่าทีคัดค้านเช่นกัน เนื่องจากกังวลว่าสนธิสัญญาดังกล่าวอาจส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียรุกรานประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค จนเกิดเป็นสงครามครั้งใหม่ รวมถึงอาจทำให้ประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และกาตาร์ เรียกร้องการสนับสนุนด้านกลาโหมจากสหรัฐฯ ในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการผลักดันสนธิสัญญาด้านกลาโหมระหว่างสหรัฐฯ กับซาอุดีอาระเบีย ของรัฐบาลประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ในรัฐสภาสหรัฐฯ ที่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุน…
สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ รายงานเมื่อ 26 ก.ย.66 ว่า นายช็อง พย็อง-ว็อน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศ(รมช.กต.)เกาหลีใต้ นายฟุนาโกชิ ทาเคฮิโระ รมช.กต.อาวุโสของญี่ปุ่น และนายหนง หรง ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศจีน พบหารือที่กรุงโซล เกาหลีใต้ โดยมีวาระรื้อฟื้นความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น รวมถึงการประชุมสุดยอด 3 ฝ่าย ซึ่งทั้งสามฝ่ายเห็นพ้องจัดประชุม 3 ฝ่ายระดับ รมว.กต. และประชุมระดับผู้นำโดยเร็วที่สุดภายใต้การเป็นเจ้าภาพของเกาหลีใต้ที่พยายามผลักดันการจัดประชุมภายในสิ้นปี 2566 ก่อนหน้านี้ จีนเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 และการจัดประชุมถูกระงับห้วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 และห้วงความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นตกต่ำ
สำนักข่าว TASS รายงานเมื่อ 27 ก.ย.66 ว่า กระทรวงกลาโหม(กห.)รัสเซียเผยแพร่คลิปวิดีโอการประชุมระดับสูง ซึ่งมีพลเรือเอก Viktor Sokolov ผู้บัญชาการกองเรือทะเลดำ (Black Sea Fleet) ของรัสเซียเข้าร่วมการประชุม หลังจากก่อนหน้านี้ สื่อและเทเลแกรมของยูเครนรายงานอ้างว่าผู้บัญชาการกองเรือทะเลดำของรัสเซียเป็นหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายท่านที่เสียชีวิตจากเหตุยูเครนใช้ขีปนาวุธโจมตีศูนย์บัญชาการใหญ่ในเซวาสโตปอลเมื่อ 22 ก.ย.66 ขณะที่ กห.รัสเซียรายงานว่าระบุสามารถยิงสกัดขีปนาวุธตกจำนวน 5 ลูก และมีเจ้าหน้าที่กห.สูญหายเพียง 1 คน
หนังสือพิมพ์ Straits Times ของสิงคโปร์ รายงานเมื่อ 26 ก.ย.66 อ้างสถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีนว่า เกาหลีเหนือจะอนุญาตให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศได้ตั้งแต่ 25 ก.ย.66 หลังปิดพรมแดนต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 รวมเป็นเวลา 3 ปีเนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยผู้เดินทางมาถึงเกาหลีเหนือจะต้องกักตัวเป็นเวลา 2 วัน อย่างไรก็ดี ยังไม่มีรายงานอย่างเป็นทางการจากสื่อของรัฐบาลเกาหลีเหนือ แต่มีสัญญาณการผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนจากการที่นายคิม จ็อง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ และคณะผู้ติดตามเดินทางไปยังรัสเซียพบหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ระหว่าง 12-17 ก.ย.66 และการส่งนักกีฬาไปแข่งขันในเอเชียนเกมส์ที่นครหางโจวของจีน
สำนักข่าว Irrawaddy รายงานเมื่อ 27 ก.ย.66 อ้างถ้อยแถลงของ พล.ท.นีลินออง รัฐมนตรีช่วยมหาดไทยเมียนมา ว่า โดรนดัดแปลงติดอาวุธกำลังเป็นความท้าทายต่อกองทัพเมียนมาในการควบคุมความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เพราะเป็นหนึ่งในอาวุธหลักที่กลุ่มต่อต้านคือรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government – NUG) และกองกำลังป้องกันประชาชน (People’s Defense Force-PDF) นำมาใช้โจมตีมากขึ้นและยากจะป้องปราม เมียนมาจึงจะมุ่งกระชับความร่วมมือกับต่างประเทศทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค เฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยับยั้งการลักลอบขนย้ายโดรนเข้าไปดัดแปลงติดระเบิด ทั้งนี้ ขีดความสามารถของกองพันโดรนติดอาวุธ (Federal Wings) ที่ก่อตั้งโดย NUG เมื่อปลายปี 2564 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พื้นที่ปฏิบัติการหลักอยู่ในรัฐกะเหรี่ยง ด้านตรงข้าม จ.ตาก อีกทั้ง NUG ยังอ้างว่าจนถึงปัจจุบันได้ส่งมอบโดรนให้กับ PDF ในพื้นที่ต่าง ๆ แล้วมากกว่า 400 เครื่อง