The Intelligence Weekly Review (14/05/2023)
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
ผู้นำอาเซียนเรียกร้องให้แก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วยแนวทางสันติ
สำนักข่าว CNN Philippines รายงานเมื่อ 12 พ.ค.66 อ้างแถลงการณ์ประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 ที่เมืองลาบวน บาโจ อินโดนีเซีย ระหว่าง 10-11 พ.ค.66 ว่า ผู้นำอาเซียนย้ำข้อเรียกร้องต่อการแก้ไขข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ด้วยแนวทางสันติ ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on tthe Law of the Sea – UNCLOS) ทั้งนี้ การถมทะเลเพื่อสร้างเกาะเทียม (land reclamation) และเหตุการณ์ตึงเครียดบริเวณทะเลจีนใต้ เป็นการทำลายบรรยากาศความไว้เนื้อเชื่อใจ เพิ่มความตึงเครียด และบั่นทอนสันติภาพ ความมั่นคง และเสถียรภาพในภูมิภาค อาเซียนจำเป็นต้องเพิ่มความเชื่อมั่นและความไว้ใจร่วมกัน และอดกลั้นไม่กระทำการใดที่จะทำให้สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ตึงเครียดยิ่งขึ้น
อินเดียและไทยฝึกลาดตระเวนร่วมทางทะเล ภายใต้รหัส Indo-Thai CORPAT ครั้งที่ 35
เว็บไซต์ The Economic Times รายงานเมื่อ 10 พ.ค.66 ว่า กองทัพเรืออินเดียและกองทัพเรือไทย ลาดตระเวนร่วมทางทะเลภายใต้รหัส India-Thailand Coordinated Patrol (Indo-Thai CORPAT) ครั้งที่ 35 ระหว่าง 3-10 พ.ค.66 ในพื้นที่ทะเลอันดามัน ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี (2 ครั้งต่อปี) เพื่อยกระดับการประสานงานร่วมกันระหว่างกองทัพเรือทั้งสองประเทศ กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำที่ผิดกฎหมายทางทะเล อาทิ การทำประมงผิดกฎหมาย การค้ายาเสพติด การลักลอบเข้าเมือง และการโจรกรรม รวมถึงปฏิบัติการค้นหาและภู้ภัยทางทะเล การลาดตระเวนครั้งนี้ มีเรือยกพลขนาดใหญ่ INS Kesari ของอินเดีย เรือหลวงสายบุรีของไทย พร้อมเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลของทั้งสองประเทศเข้าร่วม ทั้งนี้ อินเดียมุ่งดำเนินนโยบายการมีส่วนร่วมเชิงรุกกับประเทศโดยรอบมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Security and Growth for All in the Region (SAGAR)
ลาว-จีนฝึกร่วมรหัส “Friendship Shield-2023” ในแขวงหลวงพระบาง
หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์ รายงานเมื่อ 12 พ.ค.66 ว่า กองทัพประชาชนปฏิวัติลาวและกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ร่วมพิธีเปิดการฝึกร่วมรหัส “โล่กำบังมิตรภาพ” (Friendship Shield-2023) ณ Kommadam Academy of the Lao People’s Armed Forces (LPAF) แขวงหลวงพระบาง เมื่อ 11 พ.ค.66 โดยมีเป้าหมายส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือรอบด้าน รวมถึงการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ซึ่งการซ้อมรบจะจำลองสถานการณ์การสนธิกำลังโจมตีกลุ่มอาชญากรติดอาวุธข้ามชาติ โดยฝ่ายลาวส่งกำลังพลเข้าร่วมประมาณ 900 นาย และฝ่ายจีนส่งกำลังพลจากกองพลทหารบกที่ 75 เข้าร่วมประมาณ 200 นาย พร้อมด้วยยานเกราะโจมตี สรรพาวุธประเภทต่าง ๆ และอาวุธยุทโธปกรณ์ในการเก็บกู้ระเบิดและป้องกันโรคระบาด
การก่อสร้างเส้นทางรถไฟลาว-ไทย ระยะที่ 2 ระยะทาง 7.5 กม. จะเปิดให้บริการใน ส.ค.-ต.ค.66
หนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ไทมส์ รายงานเมื่อ 11 พ.ค.66 ว่า โครงการก่อสร้างรถไฟลาว-ไทย ระยะที่ 2 จากสถานีท่านาแล้ง เมืองหาดซายฟอง ไปยังสถานีคำสะหวาด เมืองไซเซดถา นครหลวงเวียงจันทน์ 1 ระยะทาง 7.5 กิโลเมตร มูลค่า 994.7 ล้านบาท ก่อสร้างแล้วเสร็จและคาดว่าจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการหลังได้ข้อยุติความตกลงใบอนุญาตเดินรถไฟไทย-ลาวในห้วง ส.ค.-ต.ค.66 ทั้งนี้ การดำเนินโครงการรถไฟลาว-ไทย ประกอบด้วย 1) เส้นทางรถไฟระยะที่ 1 จากสถานีท่านาแล้ง ไปยัง จ.หนองคาย ผ่านสะพานมิตรภาพลาว-ไทย แห่งที่ 1 ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อ มี.ค.52 และ 2) โครงการก่อสร้างรถไฟลาว-ไทย ระยะที่ 2 (ส่วนที่ 1) แล้วเสร็จเมื่อปี 2560 ซึ่งครอบคลุมการก่อสร้างระบบรางรถไฟ คลังสินค้า และอาคารสำนักงาน
ฟิลิปปินส์เร่งให้มีการสรุปหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC)
สำนักข่าว GMA รายงานเมื่อ 11 พ.ค.66 อ้างถ้อยแถลงของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ ต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 42 ที่อินโดนีเซียว่า หลักนิติธรรมจะเป็นเครื่องมือในการจำกัดอำนาจประเทศที่ปฏิบัติต่อประเทศอื่นอย่างก้าวร้าวในโลกที่มีความผันผวน โดยฟิลิปปินส์แสดงความมุ่งมั่นต่อการบังคับใช้ปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration of the Conduct of Parties in the South China Sea – DOC) และจะผลักดันให้ทุกประเทศปฏิบัติตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea – UNCLOS) เพื่อป้องกันไม่ให้ทะเลจีนใต้กลายเป็นพื้นที่ที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธ และย้ำข้อเรียกร้องให้มีการสรุปหลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct – COC) โดยเร็ว นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์ยังเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในเมียนมาโดยทันที และสนับสนุนให้เมียนมาปฏิบัติและดำเนินการตามหลักฉันทามติ 5 ประการ
ทร. สหรัฐฯ จับกุมและยึดเฮโรอีนจากเรือประมงที่แล่นออกจากท่าเรือ ทาง ตอ.ต. ของอิหร่าน
สำนักข่าว Al Arabiya รายงานเมื่อ 11 พ.ค.66 อ้างกองบัญชาการกลางกองทัพเรือสหรัฐฯ (United States Naval Forces Central Command-NAVCENT) เปิดเผยว่า เรือเร็วตรวจการณ์ชายฝั่ง USCGC Glen Harris ของกองเรือเฉพาะกิจผสมที่ 151 (Combined Task Force 151- CTF 151) ยึดเฮโรอีนจำนวน 1,964 กิโลกรัม มูลค่า 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเรือประมงที่มีต้นทางจากท่าเรือในเมือง Chah Bahar จ. Sistan and Baluchestan ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่าน ขณะเดินเรือในอ่าวโอมาน เมื่อ 10 พ.ค.66 การจับกุมครั้งนี้เป็นการจับกุมการลักลอบขนส่งยาเสพติดครั้งที่ 2 ของกองเรือ CTF 151 หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อ 8 พ.ค.66 จับกุมเรือประมงที่มีต้นทางมาจากท่าเรือในเมือง Chah Bahar…
คูเวตระงับวีซ่าทำงานและวีซ่าเข้าประเทศของแรงงานชาวฟิลิปปินส์
เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ Kuwait Times ของคูเวต รายงานเมื่อ 9 พ.ค.66 อ้าง เชค Talal Al-Khaled Al-Sabah รัฐมนตรีมหาดไทยคูเวต สั่งระงับวีซ่าทำงานและวีซ่าเข้าประเทศทุกประเภทของชาวฟิลิปปินส์ ในวันเดียวกันนี้ เนื่องจากฟิลิปปินส์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงด้านแรงงานระหว่างกัน หลังจากฟิลิปปินส์ห้ามแรงงานใหม่โดยเฉพาะแม่บ้านเดินทางไปคูเวต เมื่อ ก.พ.66 และระงับการรับรองบริษัทจัดหางานในคูเวต หลังเกิดเหตุลูกชายอายุ 17 ปีของนายจ้างชาวคูเวตฆาตกรรมแม่บ้านชาวฟิลิปปินส์อายุ 35 ปี เมื่อ ม.ค.66 ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ ประจำคูเวต เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับการยืนยันการตัดสินใจดังกล่าวจากทางการคูเวต ปัจจุบันมีแรงงานฟิลิปปินส์ทำงานและอาศัยอยู่ในคูเวตประมาณ 268,000 คน โดยข้อมูลของกรมแรงงานข้ามชาติฟิลิปปินส์ (Department of Migrant Workers-DMW) เมื่อปี 2565 มีการร้องเรียนการละเมิดแรงงานชาวฟิลิปปินส์ในคูเวตมากกว่า 24,000 ครั้ง อาทิ การล่วงละเมิดทางเพศ การค้ามนุษย์ การเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม การละเมิดสัญญาจ้างโดยมีสาเหตุจากปัญหาค่าจ้างต่ำ ไม่จ่ายหรือจ่ายค่าจ้างล่าช้า การทำงานเกินเวลา การยึดหนังสือเดินทางและทรัพย์สินส่วนตัว
อาเซียนรับรองปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนาวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2568
เว็บไซต์ asean.org เผยแพร่แถลงการณ์ เมื่อ 10 พ.ค.66 ว่า ผู้นำอาเซียนให้การรับรองปฏิญญาว่าด้วยการพัฒนาวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2568 (ASEAN Leaders’ Statement on the Development of the ASEAN Community’s Post-2025 Vision) ตามการเสนอของคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2568 (High-Level Task Force on ASEAN Community’s Post-2025 Vision-HLTF-ACV) เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาในภูมิภาค และส่งเสริมวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน เพื่อให้อาเซียนเป็นประชาคมที่ครอบคลุม มีส่วนร่วม และร่วมมือกัน โดยไม่ถูกแบ่งแยกด้วยช่องว่างการพัฒนาระหว่างสมาชิก ทั้งนี้ HLTF-ACV จะเป็นกลไกหลักในการหารือระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและหุ้นส่วนที่เกี่ยวข้องของอาเซียน เพื่อประกอบการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลังปี 2568 (ASEAN Post-2025 Vision) ซึ่งจะรับรองในหลักการภายในปี 2568
ศรีลังกา-ไทยเห็นพ้องจัดเจรจา FTA เพื่อลงนามข้อตกลงในปี 2567
เว็บไซต์ adaderana.lk ของศรีลังกา รายงานเมื่อ 9 พ.ค.66 ว่า ศรีลังกาและไทยตกลงที่จะจัดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement-FTA) ครั้งต่อไป ระหว่าง 27-28 มิ.ย.66 โดยประธานาธิบดีรานิล วิเกรมีสิงเห ของศรีลังกา ได้แจ้งความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา ครั้งที่ 4 ระหว่าง 27-29 มี.ค.66 ที่กรุงโคลัมโบต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 พ.ค.66 ซึ่งศรีลังกาและไทยเห็นพ้องที่จะเจรจาให้เสร็จสิ้น เพื่อเตรียมลงนามข้อตกลงภายในไตรมาส 1/2567