เป็นเรื่องปกติที่สัตว์จะอพยพหรือย้ายถิ่นเพื่อไปหาแหล่งที่อยู่ที่เหมาะสม ทั้งการย้ายชั่วคราวในรอบปี หรือย้ายเพื่อไปตั้งถิ่นฐานใหม่ สำหรับหาแหล่งที่อยู่อาศัย และในสถานการณ์ปัจจุบันที่โลกร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายพื้นที่ต้องเผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนทั้งคลื่นความร้อน วาตภัย และอุทกภัย จึงไม่แปลกที่คราวนี้ ไม่ใช่แค่สัตว์ที่เลือกจะอพยพเพื่อเอาตัวรอด แต่ “มนุษย์” กำลังจะอพยพกันอีกครั้ง หรือจะเกิดเหตุการณ์ “The Great Migration” ซึ่งครั้งนี้จะไปเพื่อบุกเบิกตั้งถิ่นฐานใหม่ในดินแดนที่ไม่มีใครครอบครองมาก่อน ก็คือ ขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ….ไปดูกันว่าแนวคิดนี้จะเป็นจริงได้หรือไม่!? แนวคิดการอพยพไปอยู่ที่ขั้วโลกเหนือเกิดขึ้นมานานแล้ว เคยมีการศึกษาที่ระบุว่ามนุษย์เดินทางไปมาที่ภูมิภาคนี้อยู่เรื่อย ๆ และโอกาสที่คนเราจะไปตั้งรากฐานที่นั้นก็อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต เนื่องจากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น ส่งผลให้น้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว และทำให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ เพราะมีฤดูร้อนที่ยาวนานขึ้นกว่าเดิม ขั้วโลกเหนือจึงสามารถกลายเป็นทุ่งหญ้าที่เป็นแหล่งอาหารสัตว์ ซึ่งมีรายงานว่า “แมลง” หรือสิ่งมีชีวิตที่บ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ในขั้วโลกเหนือ ก็มีวงจรการเติบโตที่เปลี่ยนไป เริ่มมีแมลงหลากหลายชนิด เช่น ผึ้งและยุง …..จากหลักฐานเหล่านี้ทำให้อาจกล่าวได้ว่า ขั้วโลกเหนือเริ่มเหมาะกับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตได้มากขึ้น อ่านดูแล้วน่าสนใจ แล้วถ้าหากมนุษย์จะต้องไปตั้งถิ่นฐานยังทวีปใหม่แห่งนี้จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? ถ้าอพยพไปขั้วโลกเหนือ …..แม้จะไปในช่วงที่น้ำแข็งละลายและมีอุณหภูมิสูงขึ้นแล้ว แต่จากการสำรวจล่าสุด การทำเกษตรกรรมในขั้วโลกเหนือก็ยังไม่สามารถทำได้ตลอดปี เนื่องจากแกนโลกของเรานั้นเอียง จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน ที่กินเวลานาน 5 เดือน จะมี 1 เดือนที่แสงสว่างตลอดวันเปลี่ยนแปลง จากนั้นก็จะเข้าสู่ความมืดไร้แสงตะวันต่ออีก…