ปัจจุบัน มีสงครามหรือความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการสู้รบภายในประเทศมากมายทั่วโลก ผู้ที่ทำสงคราม…ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะ “ผู้นำประเทศ” หรือ “แม่ทัพ” ย่อมใช้ทุกเครื่องมือและวิธีการเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม ศัตรู หรือคู่อริ เพราะเมื่อตัดสินใจเข้าสู่ภาวะสงครามแล้ว เป้าหมายย่อมมีแต่ต้องเอาชนะให้ได้เท่านั้น มนุษยชาติผ่านห้วงเวลาที่มีสงครามเกิดขึ้นหลายครั้ง ได้รู้จักวิธีการและกลยุทธ์ในการทำสงครามหลากหลายรูปแบบ และสิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องมือสร้างประโยชน์หรือสร้างความได้เปรียบในการทำศึกสงครามได้เสมอ ก็คือ “การรู้ข้อมูลที่สำคัญล่วงหน้า” ซึ่งมักจะได้มาจากการใช้จารชน เพื่อให้ได้ข้อมูลมาทำข่าวกรองเสนอสำหรับตัดสินใจบัญชาการรบต่อไปนั่นเอง
ในตำราพิชัยสงครามฉบับที่โด่งดัง และเป็นคัมภีร์สำหรับการทำศึกสงครามไม่ว่าในยุคที่มีสันติภาพ หรือยุคที่มีสงคราม ก็จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักการใช้ข้อมูลข่าวสาร และการใช้สายลับ หรือจารชน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเอาชนะสงครามด้วย
เราอาจจะคุ้ยเคยกับชื่อหนังสือ “ตำราพิชัยสงครามซุนวู” หรือ The Art of War ที่แทบจะเป็นปรัชญาการทำสงครามที่นักเรียนทหารหลายประเทศต้องศึกษา วลีหรือข้อเสนอแนะที่เป็นที่รู้จัก เช่น “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” หรือ “กลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการทำสงคราม ก็คือชนะได้โดยที่ยังไม่ต้องรบ” รวมถึง “การรู้จักการพลิกแพลงสถานการณ์เป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากต่อการชิงความได้เปรียบในสงคราม”
นอกเหนือจากวลีเหล่านี้แล้ว ตำราพิชัยสงครามยังได้พูดถึง การใช้จารชน หรือ “use of spy” เป็น 1 ใน 13 หลักการสำคัญสำหรับการทำสงครามด้วย เพราะข้อมูลข่าวสาร เป็นพลังอำนาจของรัฐมาโดยตลอด ดังนั้น “ข้อมูลที่รู้มาได้ล่วงหน้า” ถือว่ามีคุณค่าในการทำสงครามอย่างมาก ซึ่งความรู้ล่วงหน้านี้ไม่สามารถหามาได้จากดินฟ้าอากาศ ภูติผีปีศาจ หรือผู้บัญชาการรบจินตนาการคิดเอาเอง แต่ต้องมาจากการใช้จารชน สำหรับซุนวู แบ่งจารชนเอาไว้ 5 ประเภท ได้แก่ จารชนท้องถิ่น จารชนไส้ศึก จารชนกลับใจ จารชนเดนตาย และจารชนรอดตาย …ทั้งหมดนี้สามารถทำงานได้พร้อม ๆ กันเพราะแบ่งหน้าที่หรือ function กันเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว เชื่อมโยงกันด้วยผู้บัญชาการรบที่จะสามารถสร้างเครือข่ายเพื่อปะติดปะต่อข้อมูลสำคัญสำหรับการเอาชนะ หรือสร้างความได้เปรียบในยามสงคราม
นิยามของจารชนต่าง ๆ ก็ค่อนข้างชัดเจน โดย “จารชนท้องถิ่น” คือการใช้ประโยชน์จากบุคคลที่อยู่ในพื้นที่เดิมอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์ …. “จารชนไส้ศึก” คือการใช้คนที่มาจากฝ่ายศัตรู …. “จารชนกลับใจ” คือการใช้คนที่เป็นจารชนจากฝ่ายตรงข้าม หรือในปัจจุบันอาจจะเรียกว่าเป็นสายลับสองหน้า หรือ double agent …. “จารชนเดนตาย” คือคนที่จะเข้าไปปล่อยข่าวลวงให้กับฝ่ายตรงข้าม และ … “จารชนรอดตาย” คือการเรียกคนที่นำข่าว รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ กลับมาจากฝ่ายศัตรู
จะเห็นได้ว่า การใช้จารชนรูปแบบต่าง ๆ มีประโยชน์แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะอยู่ใน function ไหน ก็จะมีความเสี่ยงอันตรายมาก ๆ อยู่เหมือนกัน ดังนั้น ข้อแนะนำจากตำราพิชัยสงครามของซุนวู จึงบอกไว้ว่าจารชนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแม่ทัพอย่างมาก ต้องเชื่อใจกันได้ และต้องมีความเฉลียวฉลาด รวมทั้งเก็บ “ความลับ” ได้เป็นอย่างดี ขณะที่แม่ทัพหรือผู้บัญชาการจะต้องเด็ดเดี่ยวและหลักแหลมมากพอที่จะควบคุมและสั่งการสายลับของตัวเองให้ได้ เพื่อให้การทำงานเพื่อหาข้อมูลข่าวสารเรื่องอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์ต่อการรบ ประสบความสำเร็จและเสี่ยงภัยน้อยที่สุด รวมทั้งได้เสนอให้พยายามสร้าง “จารชนกลับใจ” ให้ได้มากที่สุด เพราะหากใช้ทรัพยากรจากฝ่ายศัตรูได้ ก็จะได้ความรู้เกี่ยวกับศัตรูมากขึ้นด้วย
นอกจากหลักการของซุนวูที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้จารชนแล้ว หลักการรบของนโปเลียน นายพลและจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส ก็มีสูตรหรือวิธีคิดในการรบ ที่เกี่ยวข้องกับจารชนและการใช้ข้อมูลข่าวสารเหมือนกัน คือ สูตร 63 เน้นความสำคัญของการคัดกรองข้อมูลและข้อเท็จจริงจากเชลยศึก ประเมินค่า อย่าเพิ่งคิดว่าจะเป็นเรื่องจริงเสมอไป นอกจากนี้ สูตรอื่น ๆ ใน 112 สูตรการรบของนโปเลียนก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์และระมัดระวังข้อมูลข่าวสารในช่วงสงครามด้วย ซึ่งสะท้อนว่าในการทำสงครามทั่วโลก มีเรื่องการใช้ข้อมูลข่าวสารเป็นส่วนที่สำคัญจริง ๆ
ปัจจุบัน งานข่าวกรอง ซึ่งรวมทั้งวิธีการใช้จารชน ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบคำสั่งการในการรบ รวมทั้งการกำหนดนโยบายต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากการทำสงครามด้วย สิ่งที่ยืนยันความสำคัญของงานข่าวกรอง คือการที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกตะวันออก หรือโลกตะวันตก ตั้งหน่วยงานทำงานข่าวกรอง โดยเฉพาะเพื่อการทหาร ส่วนมากทำงานขึ้นตรงกับรัฐบาลหรือผู้นำประเทศ เนื่องจากข้อมูลที่ได้มาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที …เราเชื่อว่า ในสถานการณ์ตอนนี้ที่มีสงครามและความขัดแย้งเกิดขึ้นทั่วโลก ย่อมมีการใช้ข้อมูลข่าวสารและ “จารชน” อยู่หลากหลายรูปแบบแน่นอน!!