เกาหลีเหนือประเทศเล็กๆ แต่สามารถครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ได้ และเกาหลีเหนือยังอ้างว่าเป็นประเทศเดียวในโลกที่ไม่เก็บภาษีกลายเป็นสังคมไม่ใช้เงิน ทุกคนทำงานให้รัฐและรัฐจัดสรรทรัพยากรให้ทุกคนผ่านระบบปันส่วนในบริบทของคอมมิวนิสต์ เมื่อปี 2532 ชาวเกาหลีเหนือมีฐานะร่ำรวยมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนถึง 2 เท่า โดยเชื่อกันว่าสหภาพโซเวียตเป็นผู้สนับสนุน แต่แล้วในปี 2534 เกิดเหตุการณ์ล่มสลายของสหภาพโซเวียต ทำให้เกาหลีเหนือไม่สามารถจัดหาอาหารเองได้ เกิดความอดอยากครั้งใหญ่ ผู้คนในเกาหลีเหนือเริ่มดิ้นรนกันเองตั้งแต่นั้นมา จึงทำให้เป็นที่น่าสนใจว่ารัฐบาลภายใต้การนำตระกูลคิมนั้นหาเงินได้อย่างไร ปัจจุบันชาวเกาหลีเหนือยากจนกว่าชาวจีนถึง 8 เท่าและยากจนกว่าเกาหลีใต้ถึง 20 เท่า
แม้ว่าเกาหลีเหนือจะมีทรัพยากรธรรมชาติอย่างแร่ธาตุหายากจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เป็นอุตสาหกรรมที่หารายได้เข้าประเทศได้ และยังมีประเด็นที่น่าสนใจคือเกาหลีเหนือมีการส่งออกอาวุธที่มีสัดส่วนถึง 30% โดยมีลูกค้าคือประเทศโลกที่ 3 ซึ่งเมื่อปี 2552 มีการสกัดเครื่องบินเช่าเหมาลำจากเปียงยางที่ขนส่งอาวุธถึง 35 ตันในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นผู้จัดหากระสุนปืนใหญ่ให้แก่รัสเซียในสงครามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน จำนวน 1 ล้านนัด ….อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือนั้นไม่มีศักยภาพเพียงพอกับโครงการนิวเคลียร์ โครงการผลิตอาวุธ รวมไปถึงการค้ำจุนกองทัพที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ซึ่งเป็นรองจาก อเมริกา รัสเซีย และจีนเท่านั้น ทำให้เกิดองค์กรที่ดำเนินงานจัดหาเงินทุนให้กับประเทศเป็นรู้จักกันในชื่อ Room th9 โดย Room th9 เป็นหน่วยงานที่จัดหาเงินตราต่างประเทศและสร้างรายได้ให้กับเกาหลีเหนือเพื่อสนับสนุนนโยบายของท่านผู้นำและวิถีชีวิตชนชั้นสูง
โดยหน่วยงานนี้ได้ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อปี 2513 โดยคิมอิซุได้เลือกองค์กรธุรกิจที่ดีที่สุดของเกาหลีเหนือโดยเฉพาะองค์กรที่มีรายได้เป็นเงินตราประเทศและรวมเข้าด้วยกันเป็น Room th9 ซึ่งมีธุรกิจอย่างน้อย 120 ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ ภายใต้องค์กรนี้จุดประสงค์เพื่อหาทุนสำหรับประเทศทั้งการดูแลความเป็นอยู่ของตระกูลคิมและกองทัพของเขา อีกทั้งยังให้ทุนกับโครงการนิวเคลียร์ของประเทศอีกด้วย Room th9 สามารถทำเงินให้เกาหลีเหนืออย่างมากมาย อาทิ โรงแรมสกีรีสอร์ท ห้างสรรพสินค้าหรูในเปียงยาง
………….แต่ธุรกิจที่สามารถทำเงินได้อย่างรวดเร็วนั่นคือ ธุรกิจการค้ายาเสพติด โดยเมื่อทศวรรษที่ 1970 คิมอิลซุงได้อนุมัติให้ทำการปลูกฝิ่น ผลิตและจำหน่ายผ่านบริษัทนายหน้าโดยการควบคุมขององค์กรลับ จนกระทั่งในปลายทศวรรษที่ 1990 ผลผลิตและการจำหน่ายฝิ่นลดลง เมื่อเข้าสู่ยุคคิมจองอิล ได้มีการผลิตแอมเฟตามีนหรือยาบ้าโดยนักวิทยาศาสตร์และนักเคมีของเกาหลีเหนือ ตามรายงานในปี 2547 ยาเสพติดของเกาหลีเหนือแพร่หลายไปยังหลายประเทศ อาทิ เมื่อปี 2520 –2546 มีนักการทูตและเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือมากกว่า 20 คน ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบขนยาเสพติดมากกว่า 12 ประเทศ อาทิ ออสเตรเลียที่มีการลักลอบขนเฮโรอีน 125 กิโลกรัม แม้แต่ประเทศไทยยังมีการลักลอบยาเสพติดทุกรูปแบบซึ่งมีต้นทางมาจากประเทศเกาหลีเหนือ
อีกหนึ่งธุรกิจสีเทาของเกาหลีเหนือตามรายงานจากญี่ปุ่น เมื่อปี 2548 ที่สร้างรายได้มหาศาลแก่เกาหลีเหนือคือ การผลิตยาไวอากร้าปลอมเพื่อส่งออกไปยังเอเซียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง แต่ถูกจับกุมได้ที่ประเทศไต้หวันในเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่ง กระทั่งเมื่อปี 2557 Sony Picture ได้ทำภาพยนตร์เรื่อง The Interview เป็นหนังเสียดสีการปกครองของผู้นำเกาหลีเหนือโดยมีเนื้อหาที่รุนแรง ทำให้ผู้นำคิมจองอึนโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ดังนั้นเกาหลีเหนือจึงตอบโต้โดยการแฮกระบบคอมพิวเตอร์บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งฮอลลีวูดนี้และเผยแพร่ข้อมูลส่วนของครอบครัวพนักงาน Sony สำเนาภาพยนตร์ที่ยังไม่ได้ฉาย แผนงานของ Sony ในอนาคต เป็นต้น ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ออกแถลงการปฏิเสธความรับผิดชอบถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
……คำบอกเล่าจากผู้แปรพักตร์เล่าว่า ระบบการศึกษาเกาหลีเหนือจะมีการคัดเลือกเด็กที่ฉลาดที่สุดในโรงเรียนโดยเฉพาะด้านคณิตศาสตร์ สนับสนุนเงินทุนเพื่อการศึกษาในสถาบันเปียงยาง จากนั้นเข้าสู่โรงเรียนเฉพาะทางเพื่อถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กว่าเป็นความภาคภูมิใจในการรับใช้ชาติ และทำการฝึกฝนให้เขากลายเป็นแฮกเกอร์แนวหน้านั่นเอง ….นั่นเป็นเพียงคำบอกเล่าเท่านั้น แต่ในอีกหลากหลายด้านของประเทศเกาหลีเหนือ เรายังไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความจริงที่มีอยู่ในประเทศนี้ได้เลย…..