เมื่อพูดถึงความเป็นเลิศทางวิชาการ ไม่มีใครปฏิเสธว่าเยาวชนสิงคโปร์ยืนหนึ่งติดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการจัดอันดับโลกเวทีไหน โดยการครองแชมป์ในการประเมินสมรรถนะผู้เรียนตามมาตรฐานสากล หรือ PISA (Program for International Student Assessment) ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organization for Economic Cooperation and Development-OECD) ทั้งด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือการอ่าน เป็นสิ่งบ่งชี้สำคัญถึงความเป็นที่หนึ่งด้านวิชาการของเยาวชนสิงคโปร์ แถมยังเป็นที่ 1 ของโลกในด้านความคิดสร้างสรรค์จากการประเมินของ PISA ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2565
ไม่เพียงการรักษามาตรฐานทางวิชาการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของสิงคโปร์ในการสร้างคนเพื่ออนาคต แต่สิงคโปร์ยังส่งเสริมให้เยาวชนมีทักษะชีวิตอื่น ๆ เพิ่มด้วย เพื่อพัฒนาศักยภาพที่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งก็แน่นอนว่าจะเป็นประโยชน์กับสิงคโปร์ด้วยในอนาคต บนพื้นฐานความคิดที่ว่า โลกในวันข้างหน้ายากจะคาดเดา การเตรียมตัวให้พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะมาเป็นระลอก ทั้งที่เป็นพายุหรือสายลมแผ่วเบา การมีทักษะที่ยืดหยุ่น พร้อมปรับตัว และมีมุมมองแบบสากลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เด็ก ๆ มีภูมิคุ้มกันมากพอและพร้อมสำหรับการอยู่ในโลกใบนี้ โดยมีความสุขอย่างสมดุลทั้งการเรียนรู้และเมื่อต้องอยู่ในโลกของการแข่งขัน
การร่วมกิจกรรมในฐานะอาสาสมัครเป็นวิถีหนึ่งของการเพิ่มทักษะชีวิตนอกห้องเรียนที่น่าสนใจของเยาวชนสิงคโปร์ โดยกาชาดสิงคโปร์ให้ความสำคัญกับเยาวชนว่า เป็นหนึ่งในกำลังสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนกิจกรรมของกาชาด เด็ก ๆ เริ่มต้นการเป็นอาสาสมัครผ่านหลักสูตรในโรงเรียน ที่มีการสอนคุณค่าของมนุษยธรรมควบคู่กับการให้ความรู้ทางวิชาการ ซึ่งหลายคนเมื่อเรียนจบและทำงานแล้ว ก็ยังเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครอยู่บ่อยครั้ง และมักเป็นกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงการทำภารกิจในต่างประเทศ ที่สำคัญคือ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่สร้างผลกระทบ (ในทางที่ดี) และแรงบันดาลใจ คิดและทำในสิ่งนอกกรอบ และมักจะให้แง่มุมความคิดใหม่ ๆ เสมอ
ส่วนอาสาสมัครอีก 2 กลุ่มที่เป็นฟันเฟื่องสำคัญของกาชาดสิงคโปร์มาจากกลุ่มคนมีอายุ 40 ปีขึ้นไป คนกลุ่มนี้มีชีวิตค่อนข้างสมบูรณ์ หน้าที่การงานมั่นคง หรือเรียกได้ว่าสบายแล้ว และต้องการให้โอกาสคนอื่น ซึ่งคนกลุ่มนี้มีทักษะที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของกาชาดเป็นอย่างดี และเป็นกำลังหลักในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ส่วนอีกกลุ่มเป็นคนอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือเพิ่งเกษียณ ที่ยังกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว และยังมีไฟมีพลังเหลือเฟือ โดยอายุไม่ใช่ปัญหา แถมมีเวลาให้อีก
การเป็นอาสาสมัครของเยาวชนสอดคล้องกับการพัฒนาระบบการศึกษาของสิงคโปร์ตามหลักสูตรการศึกษาเพื่อสร้างคุณลักษณะและความเป็นพลเมืองที่พึงประสงค์ของสิงคโปร์ (Character and Citizenship Education-CCE) ที่ไม่ได้มุ่งความเป็นเลิศทางวิชาการ ที่เน้นด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังต้องการสร้างคนให้เป็นคนที่ดีขึ้นและเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเรียนรู้อย่างรอบด้าน และเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เฉพาะอย่างยิ่งการเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้ค้นหาเส้นทางที่เหมาะสมตามความชอบของแต่ละคน
สิงคโปร์มีอาสาสมัครเพิ่มขึ้น และสิงคโปร์ก็มีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนอาสาสมัครอีกร้อยละ 70 ในปี 2568 คนกลุ่มนี้ จะเป็นกำลังสำคัญของสิงคโปร์ในการให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเปราะบาง เด็ก และผู้สูงวัยในประเทศ รวมถึงการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของกาชาด และมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนการแสดงบทบาทด้านมนุษยธรรมในต่างประเทศของสิงคโปร์ ซึ่งน่าจะเป็นอีกบทบาทที่สิงคโปร์ต้องการส่งเสริมและเริ่มมีการดำเนินการเพิ่มขึ้น เช่น เมื่อเมษายน 2567 กาชาดสิงคโปร์ส่งอาสาสมัครพลเรือน 8 คนไปอียิปต์เพื่อให้ความช่วยเหลือเพื่อการบรรเทาทุกข์กรณีวิกฤติกาซา ซึ่งเป็นการปฏิบัติภารกิจของพลเรียนในต่างประเทศเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งทีมแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ทั้งในสิงคโปร์และประเทศในภูมิภาค โดยทีมแพทย์ดังกล่าวสามารถลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อปฏิบัติภารกิจได้ภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งในระยะยาวบทบาทด้านมนุษยธรรมอาจเป็นแบรนด์ใหม่ของสิงคโปร์ในสายตาชาวโลกเพิ่มเติมจากการเป็นชาติอัจฉริยะ
การเป็นอาสาสมัครมีจุดเริ่มต้นจากการมีใจอาสาและมีปลายทางคือคนเดือดร้อนได้รับความช่วยเหลือ ผู้มีจิตอาสาไม่ว่าวัยใดไม่เพียงมีใจเดียวกันที่ต้องการให้ความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แต่ยังจะได้รับรางวัลตอบแทนไม่ต่างกัน ทั้งประสบการณ์ชีวิตใหม่ที่ได้จากการช่วยเหลือคนกลุ่มต่าง ๆ ที่มีภูมิหลังต่างกัน หรือเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือความเสี่ยงขณะลงพื้นที่ รวมทั้งการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการลงพื้นที่ เช่น ความรู้เบื้องต้นทางการแพทย์ การให้ความช่วยเหลือทางจิตใจ และการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่เหนือความคาดหมาย สิ่งเหล่านี้จะบทเรียนล้ำค่าสำหรับอาสาสมัครทุกคน เฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่จะได้เรียนรู้ชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งจากสถานการณ์จริง ซึ่งจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ในการออกแบบอนาคตและค้นพบเส้นทางชีวิตของตัวเอง