สิ่งที่สะดุดใจให้มาคิดเรื่องนี้ก็คือ ทำไมคนรอบตัวเราถึงมีอายุเกิน 60 ปี หรือ 60+ ปี เยอะจัง และก็กำลังจะมีเพิ่มขึ้นอีกอย่างรวดเร็วใน 2-3 ปี รวมทั้งบางคนคิดว่าตนเอง อายุ 60+ ปี ทำอะไรไม่ได้แล้ว ??? อยู่บ้านเฉย ๆ ไปวัน ๆ ดีกว่า …ส่วนอีกฝ่ายก็จะมีพูดว่าหยุดทำได้แล้ว ปล่อยให้เด็กรุ่นใหม่ทำไป พวกเราตามเทรนด์ไม่ทันแล้ว !!!!! คำพูดนี้เรามักได้ยินบ่อย ๆ จากคนทั้งอายุ 60+ ปี และคนที่อยู่รอบข้าง น้อยมากที่จะได้ยินว่าใช้ประโยชน์คนอายุ 60+ ปี ให้เต็มที่ แต่อาเซียนหรือประเทศสมาชิกทั้ง 10 ประเทศได้ยิน และกำลังให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างมาก และจริงจัง
ทำไมพวกเรา หรืออาเซียนต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้ …..ก็เพราะคนอายุ 60+ ปี จะเพิ่มจำนวนเร็วมาก ตัวเลขขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization-WHO) เมื่อปลายกุมภาพันธ์ 2568 ประเมินว่า อีก 25 ปีข้างหน้า หรือในปี 2593 คนอายุ 60+ ปี ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นสองเท่า เป็น 2.13 พันล้านคน จาก 1.06 พันล้านคน เมื่อปี 2563 เฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มเป็น 173.3 ล้านคน จาก 77.4 ล้านคน ตัวเลขจากเว็บไซต์ของอาเซียนบอกว่าอีก 5 ปีข้างหน้า (ปี 2573) จำนวนคนอายุ 60+ ปี ของอาเซียน จะเพิ่มอย่างรวดเร็วมาก โดยใน 7 คน จะมี 1 คน และในอีก 25 ปี (ปี 2593) 4 คน จะมี 1 คน
หากไม่ทำอะไร …. จะเกิดอะไรขึ้น หากมองกันง่าย ๆ ก็คือ ทรัพยากรทุกอย่างที่ประเทศมีอยู่ไม่สามารถนำไปใช้พัฒนา หรือเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ คนวัยแรงงาน (working force) ที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศลดลง เพราะต้องทุ่มเทมาใช้ดูแลคนกลุ่มนี้ ทั้งระบบสาธารณสุข ระบบบำเหน็จบำนาญ และระบบสวัสดิการสังคมอื่น ๆ ขณะที่มองลงมาในระดับสังคมครอบครัวก็ต้องเผชิญกับการแบกรับภาระค่าใช้จ่าย และการมีคุณภาพชีวิตที่ไม่ได้ดังใจหวัง ซึ่งท้ายสุดล้มเหลวในการมีความสุขในบั้นปลายชีวิตตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
ไทยอาจกล่าวได้ว่าเป็นหัวหอกเรื่องนี้ในอาเซียน จนไทยสามารถผลักดันให้มีศูนย์อาเซียนเพื่อผู้สูงวัยอย่างมีศักยภาพและนวัตกรรม (ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation-ACAI) เมื่อปี 2563 อยู่ที่กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนในการดำเนินการเสริมสร้างศักยภาพและคุณค่าสังคมผู้สูงอายุด้วยนวัตกรรม และการประชุมของ ACAI กับหุ้นส่วนสำคัญ เช่น องค์การอนามัยโลก สำนักงานเลขาธิการอาเซียน ภาคประชาสังคม และ NGOs เป็นต้น เมื่อ 24-25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กรุงเทพฯ ก็มีความคืบหน้าในการมีแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี เป็นครั้งแรก (2025-2030) เพื่อเป็นแนวทางในความร่วมมือกันในอาเซียน และเพื่ออนาคตอย่างยั่งยืนของประชากรสูงวัยในอาเซียน
หากหันมามองต่อไปว่า…. อาเซียนผู้สูงวัย 60+ ปี อยู่อย่างมีศักยภาพ : ช่วยกันได้ จะทำอย่างไร ขอให้ความสำคัญที่ไทย เพราะใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียน ไทยเป็นประเทศที่มีสัดส่วนผู้สูงวัยมากที่สุดของประชากรทั้งหมด โดย ASEAN Statistical Highlights 2024 ระบุว่า มีถึงร้อยละ 13.4 อันดับ 2 และ 3 คือสิงคโปร์ และเวียดนาม วิธีการที่จะให้ผู้สูงวัย 60+ ปี ช่วยกันได้ก็คือ……อยู่อย่างมีศักยภาพ อาจใช้หลักทางจิตวิทยาก่อนอันดับแรกคือ เห็นความสำคัญของตัวเองก่อน และสำรวจตัวเองถึงสิ่งที่จะสามารถทำได้ แม้อาจไม่เท่ากับที่ก่อนอายุ 60 ปี และอาจไม่จำเป็นที่ต้องเข้าระบบการจ้างงานอีกครั้ง (re-employment) เหมือนคนสูงวัยบางกลุ่ม
….เมื่อจิตใจตนเองพร้อม สุขภาพร่างกายพร้อม และมีสิ่งที่จะลงมือทำแล้ว หลังจากนั้นก็ลงมือทำเลย แม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ และหากจะสามารถหาเพื่อน หรือกลุ่มทำร่วมกันได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ดีสุด เพราะจะช่วยเกิดพลังต่อสังคมมากขึ้น ท้ายที่สุดอาจจะต้องหวนกลับมาที่ชุมชนที่ต้องร่วมมือร่วมใจกันผลักดันให้เกิดกิจกรรม และการสร้างการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในชุมชนตนเอง รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อลดภาวะเหนื่อยล้า และเป็นการเข้าถึงข้อมูลใหม่ ๆ ได้อีกทางหนึ่ง …เท่านี้ก็จะเป็นการช่วยกันได้ให้ผู้สูงวัย 60+ ปี ของไทยอยู่อย่างมีศักยภาพ (Active Ageing) ได้แล้ว