The Trump Organization บริษัทของครอบครัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังขยายโอกาสการลงทุนการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ในเวียดนามทั้งตอนเหนือและตอนใต้ของประเทศ ซึ่งจะทำให้ภายใน 2-4 ปี เวียดนามตอนเหนือ และตอนใต้ของประเทศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นประเทศที่ได้มาตรฐาน hi-end ในหลาย ๆ ด้าน เช่น สนามกอล์ฟ รีสอร์ท ที่พักอาศัย โรงแรม และ ร้านค้าระดับ luxury เป็นต้น การที่เวียดนามใช้ความร่วมมือจากต่างชาติ เช่น The Trump Organization เข้าไปลงทุนในประเทศจะทำให้ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติตามเข้ามาได้อีก จนเวียดนามเป็นประเทศมีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
หรืออาจกล่าวได้ว่า The Trump Organization คือ Fast Track ที่ช่วยให้เศรษฐกิจเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว ……..
เวียดนามพัฒนาภาคอสังหาริมทรัพย์ทางตอนเหนือของประเทศด้วยการเห็นชอบให้ภาคเอกชน ได้แก่บริษัท Hung Yen Hospitality ซึ่งเป็นสาขาของบริษัท Kinh Bac City Development Holding Corporation ทำข้อตกลงร่วมทุนกับ IDG Capital ตัวแทนของ The Trump Organization มูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในชื่อโครงการ Trump International Hung Yen เพื่อพัฒนาสนามกอล์ฟ ที่พักอาศัย และพื้นที่สีเขียวในเมือง Khoai Chau จังหวัดฮึงเอียน ซึ่งอยู่ห่างเมืองฮานอยไปทางทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร
โครงการ Trump International Hung Yen มีเนื้อที่ประมาณ 6,187.5 ไร่ ตั้งเป้าหมายไว้จะเสร็จในไตรมาส 2 ในปี 2572 และสนามกอล์ฟบางส่วนจะเปิดให้เล่นได้ทันได้ในกลางปี 2570 และทันรองรับเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคในปี 2570 นอกจากนี้ เมื่อ 21 พฤษภาคม 2568 นายนายฝั่ม มิญ จิ๊ญ นรม.เวียดนาม พร้อมกับนายอิริค ทรัมป์ รองประธาน The Trump Organization และบุตรชายประธานาธิบดีทรัมป์ พร้อมกับนายมาร์ก แนบเปอร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ก็ยังเข้าร่วมในพิธีวงศิลาฤกษ์โครงการด้วย
The Trump Organization ยังจะทำให้ทางตอนใต้ของเวียดนามพัฒนาอย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยสนใจจะลงทุนในโครงการสร้าง Trump Tower ที่นครโฮจิมินห์ ซึ่งจะทำให้เวียดนามจะเป็นอีกหลาย ๆ ประเทศในเอเชียที่จะมีอาคาร Trump Tower เหมือนกับที่อินเดีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ เป็นต้น โครงการ Trump Tower ในนครโฮจิมินห์จะมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดึงดูดนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศแบบหรูหรา โดยในอาคาร Trump Tower จะมีทั้งโรงแรม ร้านค้าแบรนด์เนม ร้านอาหาร และที่พัก เป็นต้น
ไม่ว่าการทำธุรกิจระหว่างภาคเอกชนของเวียดนามกับสหรัฐฯ จะเอื้อต่อการเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อให้เวียดนามหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีนำเข้าสูงถึงร้อยละ 46 ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเมื่อ 2 เมษายน 2568 หรือไม่ก็ตาม ซึ่งเมื่อพฤษภาคม 2568 คณะเจรจาทางการค้าของเวียดนามก็เดินทางไปวอชิงตัน ดี.ซี.ถึงสองครั้งแล้ว แต่ในเชิงยุทธศาสตร์ การมีสหรัฐฯ ทำให้เวียดนามจะได้ไม่ต้องพึ่งพาจีนเพียงประเทศเดียว ขณะที่สหรัฐฯ ก็สามารถดึงเวียดนามออกมาจากจีนได้ระดับหนึ่ง เพราะธุรกิจที่สหรัฐฯ หรือเอกชนสหรัฐฯ เป็นเจ้าของจะช่วยตัดเส้นทางขนส่งสินค้าที่มากจากจีนผ่านเวียดนามไปสหรัฐฯ
ส่วนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เมื่อสงครามการค้าครั้งแรกในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์สมัยแรก เวียดนามได้ประโยชน์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนสมัยเป็นอย่างมากจากการมีการย้ายฐานการลงทุนออกจากจีนไปเวียดนามจำนวนมาก และครั้งนี้ก็เช่นกัน หากรองบประมาณจากรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ เวียดนามอาจคิดว่าน่าจะช้าเกินไป การใช้ The Trump Organization จึงเป็นตัวเลือกสำคัญหนึ่งที่เวียดนามใช้เร่งเครื่องการพัฒนาประเทศ และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างรวดเร็ว