ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) คือนวัตกรรมของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานได้เหมือนกันกับมนุษย์ มีระบบการวิเคราะห์ เรียนรู้และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ทำงานโดยการรับข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล และประมวลผล เพื่อให้ได้ผลตอบกลับมา ไม่ว่าจะผ่านการใช้คำพูด ข้อความ หรือการกระทำต่าง ๆ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งปัญญาประดิษฐ์อย่างเอไอเองก็มีการพัฒนา จนนำมาซึ่งสิ่งที่สามารถคิดได้อย่างล้ำลึกและทดแทนงานมนุษย์ได้อย่างที่เรียกกันว่า Generative AI (Generative Artificial Intelligence / Gen AI)
Generative AI (Generative Artificial Intelligence / Gen AI) คือ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) สรรค์สร้างข้อมูลเนื้อหาใหม่ ๆ แบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องใช้มนุษย์ สามารถสร้างคอนเทนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และอื่น ๆ จากข้อมูลที่ถูกป้อนเข้ามาในระบบ ความสามารถของ Generative AI เข้ามาช่วยพัฒนาธุรกิจได้ในหลาย ๆ ด้าน
โดยการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ได้ถูกฝึกมาให้ตัดสินใจเหมือนกับสมองของมนุษย์และสามารถประมวลผลได้เองโดยที่มนุษย์ไม่จำเป็นต้องเข้าไปช่วยตั้งค่าดังเช่นปัญญาประดิษฐ์อื่น ๆ กล่าวคือ deep learning ใช้ส่วนการเรียนรู้โดยไม่มีผู้บังคับบัญชา (Unsupervised Learning) แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Generative AI เป็นขั้นกว่าของ Deep Learning ที่สามารถใช้ข้อมูลดิบ (Raw Data) จากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมาเพื่อ “สร้าง” ข้อมูลขึ้นใหม่ที่คล้ายกับข้อมูลเดิม แต่ “ไม่เหมือน” กับข้อมูลต้นฉบับ โดยปัจจุบัน Gen AI สามารถสร้างข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง และสร้างวิดีโอได้ด้วย
Generative AI สามารถแบ่งได้ดังต่อไปนี้
1.Image Generation (รูปภาพ) Generative AI สามารถช่วยให้เราสร้างรูปภาพขึ้นมาใหม่ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ใส่ Prompt หรือคำสั่งว่าเราต้องการอะไรในรูปภาพบ้าง หรือต้องการให้ออกมาเป็นสไตล์ไหน ตัวอย่างของ Generative AI ที่สร้างรูปภาพ ได้แก่ Image Creator, DALL-E 2, Midjourney, Adobe Firefly เป็นต้น AI เหล่านี้จะช่วยให้สร้างรูปภาพได้รวดเร็ว สร้างสรรค์ และประหยัดต้นทุนมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างภาพหลากหลายสไตล์ ต้องการสร้างภาพที่มีความละเอียดสูง หรือต้องการสร้างภาพจากจินตนาการ
2.Speech Generation (เสียง) Generative AI สามารถสร้างเสียงได้คล้ายกับมนุษย์อย่างเช่นที่อยู่ในชีวิตพวกเราทุกวันอย่าง Siri ที่อยู่กับผลิตภัณฑ์ของ Apple มาเนิ่นนาน รวมไปถึง Google Assistant และ Alexa ซึ่ง AI เหล่านี้ใช้เทคโนโลยี การแปลงข้อความเป็นเสียง (Text-to-speech) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาสำหรับผู้พิการทางสายตา ผู้ที่มีปัญหาในการอ่าน ผู้ที่ต้องการฟังข้อความระหว่างทำกิจกรรมอื่น ๆ
3.Text Generation (ข้อความ) การใช้ Gen AI ในการสร้างข้อความ หรือ Text ประเภทต่าง ๆ เช่น บทความ อีเมล จดหมาย บทกวี โค้ด บทละคร บทเพลง ฯลฯ โดยมีการใช้เทคโนโลยี Deep Learning ประมวลผลภาษาและรูปแบบการเขียนของมนุษย์ จากนั้นก็สร้าง Text ขึ้นมาใหม่เพื่อตอบ Prompt ที่เราป้อนเข้าไป ซึ่งก็ทำได้ตั้งแต่การเช็กแกรมมาร์ ปรับรูปประโยค เรียงประโยคใหม่ จนไปถึงการเขียนคอนเทนต์ลงบล็อกหรือเว็บไซต์ เขียนสรุปและรายงานต่าง ๆ
4.Video and 3D Generation (วิดีโอและ 3D) การพัฒนา Generative AI เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวหรือวิดีโอในปี 2024 มีผู้คิดค้นในด้านนี้มากขึ้น และพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเราสามารถสร้างวิดีโอขึ้นมาได้โดยการป้อนรายละเอียดที่เราต้องการเข้าไปเพียงเท่านี้ก็สามารถได้วิดิโอที่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการ
5.Code Generation (โค้ด) Generative AI สามารถช่วยเขียนโค้ดได้เช่นเดียวกัน โดยมีความสามารถตั้งแต่การตรวจจับความเสี่ยงในระบบ ทำความเข้าใจ Codebase ใหม่ ๆ ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือชั้นดีสำหรับ Developer และ Programmer ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ โดย LLMs (Large Language Models) จะทำความเข้าใจ และเลียนแบบลำดับและรูปแบบการเขียนโค้ดของมนุษย์ จากนั้นก็จะ Generate โค้ดที่เราต้องการออกมา
Generative AI เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และเข้ามาช่วยเหลือในหลากหลายด้านและในหลายอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่สร้างงานศิลปะ เขียน Content Marketing ไปจนถึงการเขียนโค้ด พัฒนาโปรแกรมและสร้างเกม ทั้งนี้ Generative AI ก็ยังมีข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างรวมถึงมีข้อกังวลเรื่องความน่าเชื่อถือของข้อมูล อคติที่เกิดขึ้นจากข้อมูลที่ใช้ในการเทรน AI การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมไปถึงการที่ AI จะเข้ามาแย่งงานคนในซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนได้ของตลาดโลกในอนาคต
รายงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เกี่ยวกับผลกระทบของ Gen AI ส่งผลกระทบต่อแรงงานผู้หญิงมากกว่าแรงงานผู้ชาย เนื่องจากงานที่ Gen AI จะสามารถเข้าไปแทนที่ได้ส่วนใหญ่เป็นงานของผู้หญิง เช่น เลขานุการ งานในสำนักงาน เป็นต้น
Gen AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่แรงงาน แต่เข้ามาเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพของงาน Gen AI จึงไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการว่างงาน แต่จะช่วยพัฒนาคุณภาพของงาน เพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพของแรงงาน จึงมีการเสนอให้รัฐบาล นายจ้างและสหภาพแรงงาน ปกป้องแรงงาจากผลกระทบของ Gen AI เพื่อช่วยภาคแรงงานที่อ่อนแอจากการตกงาน ทั้งการปรับปรุงด้านนโยบายโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะแรงงานที่ต้องมีการ up skills แลพ reskills ดังนั้นทุกภาคส่วนควรร่วมมือกันหาทางรับมือกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านการใช้งาน AI อย่างผิดวิธีการ อย่างไรก็ตามการที่จะปฏิเสธ AI Disruption นั้นเป็นไปได้ยาก องค์กรต่าง ๆ จึงควรทำความเข้าใจ เพื่อนำไปใช้ในองค์กรได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ AI สามารถใช้งานได้อย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์มากที่สุด