ปัจจุบันคนทุกเพศทุกช่วงวัยหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่ว่าอาหารคลีนและอาหารสุขภาพ ฮอร์โมนเพื่อปรับสมดุล และการออกกำลังกาย เพื่อปรับวิถีชีวิตให้สมดุล นอกจากวิธีการเหล่านั้นแล้ว หลายคนใช้วิธีเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกายมากขึ้น เช่น การดริปวิตามิน (IV Drip) การแช่ร่างกายในน้ำเย็นจัด (ice bath) ดีทอกซ์ รวมถึงการรับประทานอาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็นโปรตีน วิตามินซี วิตามินบี เหล็ก ซิงค์ โอเมก้า-3 คอลลาเจน หรือสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายชนิด จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารไปในชีวิตประจำวัน แต่มีอีกแร่ธาตุที่จำเป็นอีกชนิดหนึ่งที่เริ่มนิยมทานเสริมกัน…… นั่นคือ “แมกนีเซียม” ซึ่งถูกกล่าวถึงในเรื่องการช่วยเรื่องการนอน หรือคลายกล้ามเนื้อ
ความอัศจรรย์ของ “แมกนีเซียม” (Magnesium)……ดูเหมือนว่าจะตอบโจทย์ความปรารถนาของมนุษย์ในยุคต่อไปที่ต้องการมีอายุที่ยืนยาว หรือ Longevity เนื่องจากแมกนีเซียมเป็นส่วนเสริมเรื่องการพักผ่อน เพราะเป็นตัวช่วยสำคัญต่อการเสริมความแข็งแรงของร่างกายได้ลึกในระดับของเซลล์และดีเอ็นเอที่จะเป็นกุญแจไขสู่ความแข็งแรงของร่างกาย
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุตามธรรมชาติที่พบได้ในเปลือกโลก น้ำทะเล และในสิ่งมีชีวิต เกิดได้จากกระบวนการธรณีวิทยา หรือสังเคราะห์ได้ในห้องทดลองผ่านกระบวรการอีเล็กโทรไลด์จากการสกัดน้ำทะเล ซึ่งจะได้แมกนีเซียมที่บริสุทธิ์ มาใช้ในอุตสาหกรรมยาและอาหารเสริม และเป็นแมกนิเซียมที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเกลือ ซึ่งทำให้สามารถบริโภคง่าย เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามร่างกายของมนุษย์นั้นต้องการแมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ระบบต่างๆ ทำงานได้อย่างราบรื่น เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อ ระบบประสาท การสร้างพลังงาน รักษาความเสถียรของพันธุกรรม เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
คนเราจะสามารถหาแมกนีเซียมได้จากแหล่งใดบ้าง!?… ตามธรรมชาตินั้น สามารถพบได้ทั่วไปในผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืช ได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม ผักเคล ถั่วลิสง อัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง ข้าวกล้อง คีนัว อะโวคาโด ดาร์กช็อกโกแลต เต้าหู้ รวมถึงน้ำแร่จากธรรมติ แต่สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันที่ทรุดโทรมลงและมีสารปนเปื้อน รวมถึงการทำเกษตรเชิงเดี่ยวทำให้ความหลากหลายทางชีวภาพ แร่ธาตุในดินลดลง มีเพียงการใส่ปุ๋ยสูตร NPK ทำให้สารเคมีในดินไม่หลากหลาย รวมถึงดินที่มีความเป็นกรดสูงก็จะทำละลายแมกนีเซียมมากเกินไปจนพืชไม่สามารถดูดซึมได้ การรับประทานในปัจจุบัน แม้จะกินผักใบเขียวและธัญพืชมากเท่าไหร่ ก็ไม่อาจรับแมกนีเซียมได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายจนทำให้เกิดภาวะเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไมเกรน โรคหัวใจ และการกลายพันธุ์ของเซลล์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้
นอกจากแมกนีเซียมจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างดีเอ็นเอในเซลล์อีกด้วย แมกนีเซียมมีส่วนในการรักษาเสถียรภาพของโครงสร้างดีเอ็นเอ การซ่อมแซม และการจำลองดีเอ็นเอ ไม่ว่ากระบวนการใด ๆ ในการเติมโตแบ่งเซลล์จะมีแมกนีเซียมเป็นส่วนประกอบสำคัญ การค้นพบกระบวนการสำคัญดังกล่าวนี้ เป็นจุดเปลี่ยนที่จะทำให้แมกนีเซียมมีบทบาทในการชะลอวัยหรือการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพตามหลัก Longevity ที่ฟื้นฟูสุขภาพในระดับเซลล์และดีเอ็นเอ เพราะแมกนีเซียมช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเสื่อมสลายของเซลล์ หากร่างกายขาดแมกนีเซียม จะทำให้ดีเอ็นเอเสียหายได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคและการแก่ก่อนวัย สิ่งที่ทำให้แมกนีเซียมตอบสนองแนวคิด Longevity ได้คือคุณสมบัติตามธรรมชาติที่สามารถเข้าถึงระดับดีเอ็นเอได้
แม้แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มนุษย์จะถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1686 แต่ความลับของแมกนีเซียมในระดับของดีเอ็นเอและพันธุกรรมนั้นถูกเริ่มสังเกตเห็นในอีก 200 ปีต่อมา ปัจจุบันการค้นพบความพิเศษของแมกนีเซียมนั้น มีอยู่อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับองค์ความรู้ทางการแพทย์ที่มีการลงลึกลงเรื่อย ๆ ลึกเข้าไปยังใจกลางของเซลล์ ในนิวเคลียร์ที่บรรจุดีเอ็นเออยู่ การค้นพบนิวเคลียสเกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ.1831 และค้นพบดีเอ็นเอในนิวเคลียสเมื่อปี ค.ศ.1910 ร้อยกว่าปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เราจึงค้นพบความสำคัญของงแร่ธาตุที่สามารถรักษาการกลายพันธุ์ของดีเอ็นเอได้ และการค้นพบที่สำคัญนี้ จะทำให้แมกนีเซียมไม่ใช่แค่อาหารเสริมธรรมดา และจะช่วยกอบกู้ชีวิตให้ยืนยาว แข็งแรง เป็นการไขกุญแจสำคัญที่ไม่ใช่เพียงการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่เป็นการศึกษาให้เข้าใจแร่ธาตุที่มีอยู่ทั่วไป ควบคู่กับทำความเข้าใจการทำงานของร่างกายมนุษย์ ภายใต้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติ