EP 2 : ความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงจากกลุ่มจีนเทา
การใช้กลไกเศรษฐกิจนำการเมือง ทำให้จีนได้รับการยอมรับในฐานะพันธมิตรสำคัญด้านการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการเป็นคู่ค้า โดยจีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และข้อริเริ่มแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative-BRI) ของจีน ทำให้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับอนุภูมิภาคขยายตัวยิ่งขึ้น โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ขณะเดียวกัน ความใกล้ชิดทางสังคม วัฒนธรรม และการให้ความช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไขด้านประชาธิปไตยหรือสิทธิมนุษยชน ยิ่งทำให้จีนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศในอนุภูมิภาค แต่ความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่เกิดขึ้น เช่น การค้ามนุษย์อาชญากรรมหลอกลวงทางโทรศัพท์และออนไลน์ (call center) การใช้พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษในลาวกับกัมพูชา และเขตที่ควบคุมโดยกองกำลังชาติพันธุ์ติดอาวุธในเมียนมาเป็นฐานดำเนินการก่ออาชญากรรม เป็นช่องทางให้กับกลุ่มจีนเทา เพราะเป็นพื้นที่ที่ต้องการเม็ดเงินและการพัฒนา แต่กลับมีการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอและตรวจสอบได้ยาก กลุ่มจีนเทาบางส่วนฉกฉวยโอกาสจากการผลักดันโครงการภายใต้กรอบ BRI และการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศรอบบ้านที่เป็นส่วนหนึ่งของ BRI แอบแฝงใช้ประโยชน์เป็นฐานดำเนินการอาชญากรรม เช่น ส่วยโก๊กโก่ ในเมียนมา และเขตเศรษฐกิจพิเศษแขวงบ่อแก้วในลาว รวมถึงเข้าหาและประสานผลประโยชน์กับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในเมียนมา อาชญากรรมจีนเทาในประเทศรอบบ้านมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง จุดอันตรายที่สุดคือด้านเมียนมา เนื่องจากค่อนข้างปลอดจากอิทธิพลของรัฐบาลจีน เมื่อเทียบกับลาวและกัมพูชา ทั้งยังเกี่ยวเนื่องกับปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและชาติพันธุ์ที่ยังคั่งค้าง ทำให้ยากต่อการควบคุมกวาดล้าง จีนให้ความสำคัญอย่างมาก และมุ่งดำเนินการกวาดล้างกลุ่มจีนเทาจนประสบความสำเร็จ เฉพาะอย่างยิ่งขบวนการหลอกลวงทางเทคโนโลยีทั้งในลาวและเมียนมาอย่างแข็งขันมาตั้งแต่ปี 2566 จนถึงการกวาดล้างอย่างจริงจังในเมียนมาติดชายแดนไทย โดยร่วมมือกับไทยเมื่อปลายมกราคม-กลางกุมภาพันธ์ 2568 รวมทั้งขยายผลการปราบปรามไปยังกัมพูชาและบริเวณสามเหลี่ยมทองคำในลาว เนื่องจากกลุ่มจีนเทาได้บั่นทอนภาพลักษณ์ BRI…