สหรัฐฯ เผชิญความสูญเสียจากเหตุรุนแรงในที่สาธารณะ โดยเจ้าหน้าที่สอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) รายงานเมื่อ 29 กันยายน 2568 ว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนเหตุกราดยิงที่โบสถ์ในเมือง Grand Blanc รัฐมิชิแกน สหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และได้รับบาดเจ็บ 8 คน เนื่องจากอาจเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับชุมชน นอกจากนี้ อาคารที่เกิดเหตุได้รับความเสียหายอย่างมากจากเพลิงไหม้ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ก่อเหตุกราดยิงมีความพยายามจุดเพลิงดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นาย Thomas Jacob Sanford อายุ 40 ปี เป็นอดีตทหารสหรัฐฯ โดยถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญหลังจากการปะทะกันด้วยอาวุธปืนเป็นเวลา 8 นาที บริเวณลานจอดรถของสถานที่เกิดเหตุ ส่วน เจ้าหน้าที่ FBI ระบุว่าเหตุการณ์นี้ เป็นการก่อเหตุรุนแรง ยังไม่เชื่อมโยงกับการก่อการร้ายหรือเหตุกราดยิงอื่น ๆ เนื่องจากยังไม่รู้มูลเหตุจูงใจของผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ภายในโบสถ์ที่ช่วยเหลือเยาวชนและเด็กที่อยู่ในพื้นที่ให้ปลอดภัยจากเหตุกราดยิงครั้งนี้
FBI และเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้าควบคุมพื้นที่เกิดเหตุเพื่อสอบสวนว่ามีวัตถุระเบิดหรือความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุซ้ำหรือไม่ ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประณามเหตุรุนแรงดังกล่าว และระบุว่าจะให้ FBI เร่งสอบสวนร่วมกับ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น รวมทั้งเชื่อมโยงว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ สะท้อนความรุนแรงและอันตรายต่อสังคมชาวคริสต์ในสหรัฐฯ
เหตุกราดยิงโบสถ์ที่รัฐมิชิแกน ทำให้หน่วยความมั่นคงสหรัฐฯ พิจารณาเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาให้รัดกุมมากขึ้น เนื่องจากอาจตกเป็นเป้าหมายการก่อเหตุรุนแรงและการก่อการร้ายจากผู้ก่อเหตุที่มีแรงจูงใจหลากหลาย รวมทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากร แต่มีแนวคิดหัวรุนแรงสุดโต่ง ปัจจุบันเมืองที่เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา ได้แก่ นครนิวยอร์ก และเมืองลอสแองเจลลิส
ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ เผชิญเหตุการณ์กราดยิงและก่อความรุนแรงในพื้นที่ศาสนสถานและที่เกี่ยวข้องกับศาสนา โดยเมื่อ สิงหาคม 2568 มีเหตุกราดยิงโรงเรียนคริสต์ที่เมืองมินนิอาโปลิส รัฐมินนิโซตา ทำให้มีเยาวชนเสียชีวิต 2 รายและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก จากการสอบสวนพบว่าผู้ก่อเหตุกรณีดังกล่าวมีแนวคิดนิยมความรุนแรง มุ่งเป้าหมายทำร้ายเด็กและเยาวชน และมีพฤติกรรมเลียนแบบการกราดยิง สำหรับโบสถ์ที่ตกเป็นเป้าหมายครั้งนี้ คือ โบสถ์ Church of Jesus Christ of Latter-day Saints ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสต์นิกายมอร์มอน ระหว่างเกิดเหตุกำลังมีพิธีกรรมทางศาสนา ปัจจุบัน โบสถ์ดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างมากจากเพลิงไหม้ ทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงต้องควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำรัฐมิชิแกนเปิดเผยว่าได้รับรายงานการขู่วางระเบิดโบสถ์ในพื้นที่ใกล้เคียง หลังจากผู้ก่อเหตุเสียชีวิต แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการวางระเบิด
สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการควบคุมสถานการณ์และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยชุมชนที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 40,000 คน ในห้วงที่สถานการณ์ความมั่นคงในประเทศสหรัฐฯ เผชิญความรุนแรงจากหลายปัจจัย ทั้งอาชญากรรมจากความเกลียดชัง ความแตกแยกทางการเมือง และอุดมการณ์นิยมความรุนแรง โดย FBI ส่งเจ้าหน้าที่มากกว่า 100 คนเข้าไปควบคุมพื้นที่และเฝ้าระวังเหตุการณ์ นอกจากนี้ มีรายงานว่าระหว่างการเกิดเหตุ หน่วยงานความมั่นคงได้ส่งข้อความแจ้งเตือนภัยและแนวทางปฏิบัติเบื้องต้นให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียงรับทราบด้วย สะท้อนว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวังความปลอดภัยของชุมชน และควบคุมสถานการณ์เมื่อมีเหตุร้าย อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะส่งผลให้ชาวอเมริกันระมัดระวังการตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุรุนแรงในที่สาธารณะมากขึ้น