เคยคิดกันไหม …ว่า ไฟฟ้าที่เราใช้ สัญญาณอินเทอร์เน็ตของโทรศัพท์มือถือที่เราเล่น หรือรถไฟที่พาเราไปเที่ยว อาจเป็นเป้าหมายโจมตีของผู้ก่อการร้ายได้ ? บทความนี้จะพาผู้อ่านทำความเข้าใจว่า ทำไมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศ จึงถูกเลือกเป็นเป้าหมายโจมตี เพื่อให้ทุกคนรู้จัก “ภัย” ที่อาจคุกคามชีวิตประจำวันของเราโดยไม่ทันตั้งตัว
ทำไมต้องโจมตี “โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ”
โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เป็นการให้บริการพื้นฐาน เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาประเทศ และมีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ มีหลายประเภท เช่น ด้านพลังงาน อาทิ โรงกลั่นน้ำมัน เสาไฟฟ้า และเขื่อน เป็นต้น ด้านคมนาคมขนส่ง อาทิ สนามบิน สถานีขนส่งโดยสาร สถานีรถไฟ และรางรถไฟ เป็นต้น ด้านการป้องกัน อาทิ คลังเก็บอาวุธ และกองทัพ เป็นต้น การที่โครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมบริการพื้นฐานของรัฐที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก ทำให้กลุ่มก่อการร้าย และกลุ่มต่อต้านรัฐบาล นิยมเลือกเป็นเป้าหมายในการโจมตี เพราะเสมือนได้โจมตีสิ่งปลูกสร้างทางกายภาพที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาล อีกทั้งยังเกิดความเสียหายที่กระทบต่อคนจำนวนมาก
กลุ่มและเป้าหมายโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
ตั้งแต่ปี 2562 “กลุ่มผู้นิยมแนวคิดรุนแรงขวาจัด” เผยแพร่วิธีการก่อเหตุต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่ม Terrorgram Collective เผยแพร่วิธีการก่อเหตุต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในนิตยสาร 4 ฉบับ ห้วงมิถุนายน 2564-กรกฎาคม 2565 ซึ่งกลุ่มมีแนวทางจัดทำนิตยสารให้มีรูปแบบทันสมัย โดยใช้ภาพประกอบจากวิดีโอเกม อาทิ Minecraft เพื่อให้เข้าถึงเยาวชนได้ง่าย ขณะที่ในประเทศตะวันตกอื่น ๆ อาทิ ประเทศในยุโรป สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ปรากฏข่าวสารกลุ่มผู้นิยมแนวคิดรุนแรงขวาจัดก่อเหตุและวางแผนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ปี 2563 เช่นกัน
เป้าหมายก่อเหตุที่กลุ่มผู้นิยมแนวคิดรุนแรงขวาจัดแนะนำ ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน
โดยใช้วิธีการที่ลงมือก่อเหตุได้ง่าย อาทิ การใช้อาวุธปืน การเผาทำลาย และการก่อวินาศกรรมต่อหม้อแปลงไฟฟ้า รวมทั้งยังแนะนำให้สมาชิกก่อเหตุต่อระบบขนส่งสาธารณะ ระบบประปา และระบบน้ำเสีย ทั้งนี้ พบว่ามีการนำคำแนะนำตามนิตยสารข้างต้นไปใช้จริง ดังเช่นกรณีผู้ก่อเหตุไม่ทราบกลุ่มและจำนวน ใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปยังสถานีไฟฟ้าย่อย 2 แห่ง ในเมือง Moore รัฐ North Carolina เมื่อธันวาคม 2565 และทำลายหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นเหตุให้ไฟฟ้าในเมืองดับชั่วคราว
“กลุ่มก่อการร้าย” กระตุ้นให้สมาชิกและผู้สนับสนุนก่อเหตุต่อโครงสร้างพื้นฐานเช่นกัน เฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่ม Al-Qaeda (AQ) เผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อ โดยยุยงให้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ เพื่อให้เศรษฐกิจล่มสลายและใช้เป็นโอกาสในการปกครองพื้นที่ กลุ่ม Islamic State (IS) ระบุให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นหนึ่งในเป้าหมายก่อเหตุตามยุทธศาสตร์สงครามเศรษฐกิจ (Economic War) ของกลุ่ม ซึ่งชี้นำให้ข่ายงานและผู้สนับสนุนโจมตีเป้าหมายที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจมากขึ้น ทำให้จากเดิมที่พบการก่อเหตุโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในตะวันออกกลางและแอฟริกาเป็นหลัก ขยายมายังพื้นที่อื่นของโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เป้าหมายหลักที่กลุ่มก่อการร้ายมุ่งโจมตี ได้แก่ ระบบสื่อสาร อาทิ กลุ่ม Al-Shabaab ในโซมาเลียก่อเหตุระเบิดเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ที่เมือง Galmudug โซมาเลีย เมื่อพฤศจิกายน 2565 ระบบพลังงาน อาทิกลุ่ม Islamic State East Asia Province (ISEAP) ในฟิลิปปินส์ ลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงที่เมือง Maguing จังหวัด Lanao del Sur ของฟิลิปปินส์ เมื่อ กันยายน 2566 และระบบคมนาคม อาทิ ตรวจพบวัตถุระเบิดและเชื้อปะทุ 18 ชุด บริเวณสถานีรถไฟ Jammu Tawi ในดินแดนสหภาพจัมมูและแคชเมียร์ เมื่อ 27 ตุลาคม 2565
โครงสร้างพื้นฐานใดเสี่ยงเป็นเป้าหมายโจมตีมากที่สุด?
ในจำนวนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่มีหลายประเภท “ระบบขนส่งทางราง” เป็นเป้าหมายโจมตีที่มีโอกาสก่อเหตุสำเร็จสูง เนื่องจากผู้ก่อเหตุสามารถแฝงตัวเข้าพื้นที่ได้ง่าย ทั้งยังสามารถก่อให้เกิดความเสียหายมากที่สุด ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยหากพิจารณาจากเหตุก่อการร้ายที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุมักเลือกช่วงเวลาและสถานี
ที่มีคนพลุกพล่าน โดยวิธีการก่อเหตุเป็นการผสมผสานการใช้อาวุธปืน และวัตถุระเบิด ทำให้เหตุก่อการร้ายและเหตุรุนแรงที่เกิดในพื้นที่ระบบขนส่งทางราง มีทั้งเหตุระเบิด เหตุกราดยิง เหตุไล่แทงประชาชน เหตุปล้นและลักพาตัวประกัน ตลอดจนเหตุลักลอบทำลายระบบสื่อสารหรือระบบเดินรถ
ไทย…ยังไม่เคยเกิดเหตุข่ายงานของกลุ่มก่อการร้ายจากนอกประเทศ เข้ามาโจมตีระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญโดยตรง อย่างไรก็ดี พฤติการณ์โจมตีโครงสร้างพื้นฐานพบได้ในกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้
ซึ่งก่อเหตุวางระเบิดเสาไฟฟ้าแรงสูงและรางรถไฟอย่างต่อเนื่อง แต่ในระยะต่อไป องค์ความรู้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อก่อกวนหรือก่อเหตุรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานมีแนวโน้มน่าห่วงกังวล เนื่องจากบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีและอุปกรณ์สมัยใหม่ได้ง่ายขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งโดรน (Drone) หรืออากาศยาน
ไร้คนขับ ซึ่งหากเป็นบุคคลที่มีเป้าหมายก่อเหตุนำไปใช้ ย่อมนำไปสู่ความเสียหายที่รุนแรง หรือการโจมตีทางไซเบอร์ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นการก่อการร้ายออนไลน์เพิ่มจากเดิมที่เป็นกายภาพ
สามารถติดตาม EP 2 : เมื่อโดรนและการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของโครงสร้างพื้นฐาน เป็น“อาวุธใหม่”… ได้ใน https://intsharing.co/