ประธานาธิบดีอี แจ มย็องของเกาหลีใต้ ประกาศเมื่อ 20 ตุลาคม 2568 ระหว่างงานจัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ Seoul International Aerospace & Defense Exhibition (ADEX) 2025 ตั้งเป้ายกระดับเกาหลีใต้ขึ้นเป็น “หนึ่งในสี่ชาติมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระดับโลก”ภายในปี 2573 พร้อมเน้นย้ำว่าอุตสาหกรรมป้องกันประเทศจะเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตแห่งอนาคตที่สำคัญของเกาหลีใต้ โดยรัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์และอวกาศ ซึ่งในปี 2569 ได้จัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2 เป็น 66.3 ล้านล้านวอน
เป้าหมายอันทะเยอทะยานของเกาหลีใต้เป็นการผลักดันอย่างจริงจังตั้งแต่สมัยประธานาธิบดียุน ซอก ยอล และได้รับการสานต่อโดยรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ต้องการสร้างสถานะเกาหลีใต้เป็น “รัฐหลักระดับโลก” (Global Pivotal State) รวมถึงสร้างความมั่นคงทางการทหารที่พึ่งพาตนเองได้ในที่สุด ปัจจุบันเกาหลีใต้ส่งออกอาวุธอยู่อันดับที่ 10 ของโลก (ข้อมูลเมื่อปี 2566) แต่อัตราการส่งออกเติบโตอย่างรวดเร็ว เฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกาหลีใต้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าเชื่อถือสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่กำลังมองหาแหล่งจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มั่นคง ผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันประเทศของเกาหลีใต้ มีตั้งแต่ปืนใหญ่ รถถัง ขีปนาวุธ จนถึงเรือรบ ที่ปัจจุบันได้รับความสนใจในตลาดโลกอย่างมาก โดยรัฐบาลเองก็มุ่งใช้เวที ADEX 2025 หรือ Seoul International Aerospace & Defense Exhibition ระหว่าง 17-27 ตุลาคม 2568 ที่โซล ในการทำข้อลงในการส่งออกอาวุธและการร่วมทุนเพื่อขยายเทคโนโลยีป้องกันประเทศเกาหลีใต้ในต่างประเทศ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอาวุธโลกให้ได้ถึงร้อยละ 5 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้วางกลยุทธ์หลักหลายด้าน ได้แก่ 1) การลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) โดยจะจัดสรรงบประมาณสำหรับเทคโนโลยีขั้นสูง เฉพาะอย่างยิ่งโครงการ “Defense Innovation 4.0” ที่เน้นเทคโนโลยีพลิกเกม เช่น AI ระบบไร้คนขับ อวกาศ และเซมิคอนดักเตอร์สำหรับระบบกลาโหม 2) การส่งมอบที่รวดเร็วและราคาที่แข่งขันได้ จุดแข็งของ K-Defense คือความสามารถในการผลิตจำนวนมาก และการส่งมอบที่รวดเร็วกว่าคู่แข่งจากตะวันตกอย่างชัดเจน รวมถึงการเสนอราคาและคุณภาพที่คุ้มค่า และ 3) ยุทธศาสตร์หุ้นส่วนทางเทคโนโลยี เกาหลีใต้กำลังปรับเปลี่ยนจากการเป็นเพียงผู้ขายอาวุธ ไปสู่การเป็น พันธมิตรด้านความมั่นคงที่น่าเชื่อถือ โดยพร้อมที่จะแบ่งปันเทคโนโลยีและประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมกับประเทศคู่ค้า รวมถึงการจัดตั้งโรงงานผลิตในท้องถิ่น เช่น กลยุทธ์ “Made in Europe by Korea” เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับ K-Defense คือ Branding ที่ใช้สื่อถึงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและระบบอาวุธของเกาหลีใต้ที่มีการส่งออกและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในตลาดโลกในลักษณะเดียวกับที่ “K-Pop” ใช้เรียกวัฒนธรรมเพลง
ป็อปเกาหลีใต้ โดยจุดแข็งและคุณสมบัติเด่นของ K-Defense ประกอบด้วย 1) คุณภาพระดับโลกในราคาที่แข่งขันได้ (Western Quality, Competitive Price) 2) ความสามารถในการผลิตและส่งมอบที่รวดเร็ว (Speedy Delivery) และ 3) ความยืดหยุ่นในการปรับแต่งและถ่ายทอดเทคโนโลยี (Customization and Technology Transfer) สำหรับสินค้าโดดเด่นของ K-Defense ได้แก่ รถถังหลัก K2 Black Panther (บริษัท Hyundai Rotem) ปืนใหญ่อัตตาจร K9 Thunder (บริษัท Hanwha Defense) ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยกลาง Cheongung-II (M-SAM) (บริษัท LIG Nex1) เป็นต้น ดังนั้น K-Defense จึงเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จในการเปลี่ยนอุตสาหกรรมกลาโหมของเกาหลีใต้ จากผู้ที่เคยต้องพึ่งพาอาวุธจากต่างประเทศ มาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักที่มีศักยภาพสูงในตลาดอาวุธระดับโลก