สิงคโปร์เริ่มใช้สุนัขหุ่นยนต์มากขึ้น
งคโปร์เริ่มใช้สุนัขหุ่นยนต์ในบทบาทต่างๆ มากขึ้น เช่น การใช้สุนัขหุ่นต์ที่สวนสาธารณะเพื่อกำกับการเว้นระยะห่าง ในช่วงการระบาดของ COVID-19
งคโปร์เริ่มใช้สุนัขหุ่นยนต์ในบทบาทต่างๆ มากขึ้น เช่น การใช้สุนัขหุ่นต์ที่สวนสาธารณะเพื่อกำกับการเว้นระยะห่าง ในช่วงการระบาดของ COVID-19
สนข.เกียวโดรายงานเมื่อ 12 พ.ค.68 ว่า บริษัทผลิตรถยนต์ Nissan Motor Co. ของญี่ปุ่นจะเลิกจ้างพนักงานทั่วโลกประมาณ 20,000 คน หรือร้อยละ 15 ของพนักงานทั้งหมด เพื่อฟื้นฟูธุรกิจ รวมทั้งจะพิจารณาปิดโรงงานในประเทศจาก 5 แห่ง จากที่ยอดขายที่ลดลง ทั้งนี้ เมื่อ พ.ย.67 บริษัทได้ประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คน ในญี่ปุ่นและต่างประเทศ ลดกำลังการผลิตทั่วโลก ร้อยละ 20 ภายในปี 2569 จะปิดโรงงานในไทยและโรงงานอื่นอีก 2 แห่ง รวมถึงเมื่อ 9 พ.ค.68 ได้ยกเลิกการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนฟอสเฟตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ในจังหวัดฟุกุโอกะ เนื่องจากประสบปัญหาการเงิน แม้กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 5.57 หมื่นล้านเยน บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีงบประมาณ 2567 (1 เม.ย.67-31 มี.ค.68) จะขาดทุนสุทธิ 7-7.5 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการขาดทุนสุทธิรายปีมากเป็นประวัติการณ์
สนข.GMA Network เมื่อ 12 พ.ค.68 อ้างการเปิดเผยของ กกต.ฟิลิปปินส์ว่า อดีตประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ซึ่งสมัครเลือกชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองดาเวา มีคะแนนนำร้อยละ 62.83 ได้รับเสียงสนับสนุน 420,722 คะแนน ห่างนาย Karlo Alexei Nograles ที่ได้คะแนนลำดับที่สอง 50,820 คะแนน แม้ว่านายดูเตอร์เตจะถูกคุมขังที่เรือนจำศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court – ICC) กรุงเฮก นอกจากนี้ นายบาสเต ดูเตอร์เต บุตรชาย ซึ่งสมัครชิงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรี ยังมีคะแนนเสียงนำที่ 413,338 คะแนน ขณะที่่ผู้มีคะแนนเสียงรองมี 49,868 คะแนน ทั้งนี้ เมืองดาเวาเป็นฐานเสียงของตระกูลดูเตอร์เต และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 586,725 คน จากจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ 1,006,592 คน
เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ เผยแพร่คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อ 12 พ.ค.68 ว่า จะปรับลดราคายาโดยอ้างอิงกับราคาในตลาดโลกภายใต้แนวคิดการกำหนดราคาที่ชาติได้ประโยชน์สูงสุด (Most-Favoured Nation Pricing) โดย สธ. สหรัฐฯ จะเจรจากับบริษัทผลิตยาของสหรัฐฯ ด้วยกลไกที่ไม่ต้องผ่านคนกลางและยกเลิกอุปสรรคในการแข่งขันในตลาด โดยบริษัทยาจะต้องดำเนินการใน 30 วัน มิฉะนั้นรัฐบาลจะใช้มาตรการอื่น ๆ กดดัน กับทั้งจะออกมาตรการเพื่อดำเนินการกับประเทศที่มีนโยบายทุ่มตลาดที่ส่งผลให้ราคายาในสหรัฐฯ สูงกว่าราคาในตลาดโลก ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่าแนวทางนี้จะช่วยลดราคาของยาในสหรัฐฯ ลงร้อยละ 59–90
จีนและสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อ 12 พ.ค.68 หลังการพบหารือเพื่อเจรจาเรื่องมาตรการทางภาษีระหว่างผู้แทนของทั้งสองฝ่ายรอบแรกที่เจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ว่า สองฝ่ายจะลดอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าระหว่างกัน โดยจีนเรียกเก็บจากสหรัฐฯ เหลือร้อยละ 10 ลดจากร้อยละ 125 รวมทั้งจะระงับหรือยกเลิกมาตรการตอบโต้ที่มิใช่ภาษีที่บังคับใช้ต่อสหรัฐฯ รวมถึงการบรรจุรายชื่อบริษัทของสหรัฐฯ ในรายการคว่ำบาตรเพื่อควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายาก ขณะที่สหรัฐฯ ลดอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากจีนเหลือร้อยละ 30 จากร้อยละ 145 แต่ยังคงอัตราภาษีที่ร้อยละ 20 ที่สหรัฐฯ ประกาศใช้กับจีนเพื่อสกัดกั้นการนำเข้าสารเฟนทานิลจากจีน
เว็บไซต์ นสพ.The Daily Star ของบังกลาเทศรายงานเมื่อ 12 พ.ค.68 ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวชาวโรฮีนจาจำนวน 45 คน เป็นชาย 14 คน หญิง 11 คน และเด็ก 20 คน ที่ท่าเรือในเขต Sitakunda Upazila เมืองจิตตะกอง ชาวโรฮีนจาได้หลบหนีมาจากเกาะ Bhasan Char ด้วยเรือลากอวน และมุ่งหน้าไปยังเมือง Cox’s Bazar ตำรวจกำลังเร่งสอบสวนและจะดำเนินการส่งกลับไปยังค่ายผู้ลี้ภัยบนเกาะ Bhasan Char ต่อไป ทั้งนี้ ชาวโรฮีนจาในบังกลาเทศมีแนวโน้มหลบหนีออกจากค่ายผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้นจากสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด รวมถึงปัญหาอาชญากรรมภายในค่ายผู้ลี้ภัย อาทิ การค้ายาเสพติด การฆาตกรรม การลักพาตัว และการค้ามนุษย์
ชาวฟิลิปปินส์ที่มีสิทธิเลือกตั้งไปจำนวนมากกว่า 70 ล้านคนลงคะแนนเสียงเพื่อคัดเลือกผู้แทนในสภา หรือการเลือกตั้งทั่วไป กลางสมัย (midterm election) เมื่อ 12 พฤษภาคม 2568 บรรยากาศการเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ทั่วประเทศรอลุ้นผลการเลือกตั้งที่จะเป็นข้อมูลบ่งชี้ความคิดเห็นของประชาชนชาวฟิลิปปินส์ต่อผลงานของรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการคัดเลือกผู้อำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมากกว่า 18,000 ตำแหน่ง ได้แก่ วุฒิสมาชิก 12 ตำแหน่ง ผู้แทนเขต 254 ตำแหน่ง ผู้แทนพรรคแบบบัญชีรายชื่อ 63 ตำแหน่ง และนักการเมืองระดับรัฐ 17,942 ตำแหน่ง สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปกลางสมัยครั้งนี้ ฟิลิปปินส์ให้ผู้แทนจากสหภาพยุโรป (EU) เข้าสังเกตการณ์ด้วย นอกจากการเปิดให้ผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศตรวจสอบความโปร่งใสและกระบวนการเลือกตั้งแล้ว การเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ครั้งนี้ใช้ระบบ Miru System หรือระบบคำนวณผลที่เป็นเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ เป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการคำนวนผลคะแนนได้แบบอัตโนมัติ รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากฟิลิปปินส์เป็นประเทศหมู่เกาะ ทำให้การนับคะแนนและส่งผลการเลือกตั้งในแต่ละครั้งต้องใช้เวลา แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีเครื่องนับคะแนน ประชาชนส่วนใหญ่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงระบบการนับคะแนนเลือกตั้งให้รวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ตลอดจนยังใช้ระบบแบบใหม่ผสมผสานกับแบบเก่าให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ แต่ก็มีรายงานว่าในหน่วยเลือกตั้งบางแห่งประสบปัญหา เช่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรอคิวนาน และมีรายงานเหตุก่อความรุนแรงในบางพื้นที่ เนื่องจากกลุ่มผู้ติดอาวุธก่อเหตุยิงใส่ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้ง ในเมือง Silay City ก่อนหน้านี้…
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินทางไป 3 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางระหว่าง 13-16 พฤษภาคม 2568 ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเคสต์ (UAE) ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของประธานาธิบดีทรัมป์หลังจากเข้ารับตำแหน่งในสมัยที่ 2 ซึ่งทำให้ทั่วโลกจับตามองการเยือนครั้งนี้ว่าทำไมผู้นำสหรัฐฯ เลือกเยือน 3 ประเทศพันธมิตรนี้ และอะไรคือผลประโยชน์ทางการเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และความมั่นคงที่ทั้ง 3 ประเทศจะใช้ต่อรองกับผู้นำสหรัฐฯ เช่นกัน ทั้ง 3 ประเทศในตะวันออกกลางนี้ มีนโยบายเสริมสร้างบทบาทมหาอำนาจในภูมิภาคและการเพิ่มบทบาทเป็นตัวกลางการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน สถานการณ์ในฉนวนกาซา และการรับมือกับอิหร่าน ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ด้วย ผู้นำสหรัฐฯ ต้องการใช้การเยือนครั้งนี้ส่งสัญญาณให้ทั่วโลกเห็นว่าสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับพันธมิตรที่พร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็ทำให้ทั่วโลกเห็นว่า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งตอบโจทย์ยุทธศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ เศรษฐกิจ และความมั่นคงของสหรัฐฯ มากที่สุดในมุมมองของประธานาธิบดีทรัมป์ แตกต่างจากภูมิภาคอื่น ๆ ที่ผู้นำสหรัฐฯ อาจมองว่ามีอิทธิพลของประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ สูงมากและไม่พร้อมเจรจาต่อรองผลประโยชน์กับสหรัฐฯ ขณะที่ 3 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางนี้พร้อมเจรจาซื้อ-ขายอาวุธกับสหรัฐ รวมทั้งหารือเรื่องการลงทุนระหว่างประเทศที่มีมูลค่ามหาศาล…
ภาคประชาสังคม กลุ่มนักวิชาการ และกลุ่มทางการเมือง เช่น นายอามูนา ปินจอร์ สส.พรรค ปชบ. กลุ่มซูฟ้า ออกมาแสดงท่าทีต่อเหตุความรุนแรงใน จชต. ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลจริงจังกับการเปิดเจรจาสันติภาพกับ BRN เพราะกระบวนการเจรจาที่หยุดชะงักมานานกับการที่รัฐบาลไม่มีนโยบายชัดเจนและไม่แต่งตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยที่มาจากฝั่งการเมือง เป็นเหตุผลให้ผู้ก่อความไม่สงบเลือกใช้แนวทางตอบโต้ที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รอง นรม./รมว.กห. แสดงออกในเชิงว่าจะไม่พูดคุยอย่างเป็นทางการจนกว่าจะได้พูดคุยกับ BRN ตัวจริงนั้น มองว่าไม่เกิดประโยชน์เพราะเมื่อดูจากสถิติจะเห็นว่าการเปิดเจรจามีผลให้การก่อเหตุลดลงได้จริงนอกจากนี้ พบความเคลื่อนไหวบนโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับสถานการณ์ จชต. ที่กำลังมีการขยายผล เช่น กรณีองค์กรปลดปล่อยปาตานีแห่งสหพันธรัฐ (PULO) หนึ่งในกลุ่มขบวนการต่อสู้ปาตานี ระบุให้สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยมีบทบาทอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหา จชต. และกรณีมีเพจ/บุคคลแชร์ข้อความและคลิปที่กล่าวหาว่านายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีต นรม.มาเลเซีย เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง BRN ตัวจริง หลังจากได้ทำการโพสต์เรื่องดินแดนมลายู โดยความเห็นที่ปรากฏออกมาเป็นลักษณะชี้ว่าไทยรัฐใช้ความรุนแรงกับผู้ก่อความไม่สงบและข้อความที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและมาตรการภาษียานยนต์ของสหรัฐฯ จึงปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปี 2568 เหลือขยายตัวที่ร้อยละ 2-2.2 จากเดิมร้อยละ 2.4- 2.9 ภายใต้สถานการณ์ไทยเจรจากับสหรัฐฯ ได้สำเร็จ แต่หากไม่สำเร็จหรือถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ร้อยละ 36 GDP อาจขยายตัวได้เพียงร้อยละ 0.7-1.4 และการส่งออกทั้งปีอาจติดลบมากถึงร้อยละ 2 เพิ่มแรงกดดันต่อกลุ่มลูกจ้างที่มีประมาณ 3.7 ล้านคน และ SMEs ประมาณ 5,000 ราย ซึ่งมีข้อจำกัดในการปรับตัว กกร.กังวลต่อเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว มาอยู่ในช่วง 32.5-32.7 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนประมาณร้อยละ 3-5 จึงส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยว จึงขอให้ภาครัฐดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่าหรือผันผวนเร็ว ด้านวิจัยกรุงศรีและ Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยว่ามีความเสี่ยงขาลงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง