จุดเปลี่ยนโฉมหน้าของตะวันออกกลาง : ผู้นำสหรัฐฯ กับซีเรียพบกัน
วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เป็นวันที่เปลี่ยนโฉมหน้าของตะวันออกกลางเกิดขึ้น นั่นคือการพบกันระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายอะห์มัด อัชชะเราะอ์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของซีเรีย ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย เป็นการพบกันครั้งแรกของผู้นำทั้งสองประเทศในรอบ 25 ปี การพบกันของผู้นำสหรัฐฯ และซีเรียยังเป็นการเสียเปรียบด้านยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่สำหรับอิหร่าน ขณะที่คู่ขัดแย้งในตะวันออกกลาง เฉพาะอย่างยิ่งอิสราเอลและอิหร่าน ยังไม่เห็นสัญญาณในการปรับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ซาอุดีอาระเบียภายใต้การนำของเจ้าชาย มุฮัมมัด บิน ซัลมานและบทบาทของตุรกีภายใต้นายเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน ในการอำนวยความสะดวกที่ทำให้เกิดการพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯ กับซีเรียครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม บทบาทของซาอุดีอาระเบียชี้ให้เห็นถึงความพยายามลดความตึงเครียดในภูมิภาค ขณะที่ตุรกี แม้จะร่วมประชุมทางโทรศัพท์ก็ตามก็มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเจรจานี้ขึ้น การประสานงานของทั้งสองประเทศชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ร่วมกันที่จะเห็นซีเรียฟื้นตัวจากสงครามกลางเมืองที่ยาวนานยืดเยื้อ ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดและได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภูมิทัศน์โลกตะวันออกกลางไม่มากก็น้อยจากการพบกันครั้งนี้ คือประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมดของสหรัฐฯ ต่อซีเรีย ซึ่งบังคับใช้มานานกว่า 45 ปี แนวทางนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศของซีเรีย โดยเป็นการเปิดประตูรับการลงทุนและการค้าจากต่างประเทศที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อการฟื้นฟูประเทศ ด้านประธานาธิบดีอัชชะเราะอ์สัญญาจะขับไล่กลุ่มติดอาวุธต่างชาติออกจากซีเรีย ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ซีเรียได้เชิญชวนบริษัทสหรัฐฯ ในภาคส่วนของน้ำมันและก๊าซธรรมชาติด้วย นัยสำคัญต่อคู่ขัดแย้งในตะวันออกกลาง เฉพาะอย่างยิ่งอิสราเอลกับอิหร่านก็เกิดขึ้นเช่นกัน สหรัฐฯ พยายามผลักดันให้ซีเรียสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลด้วยการเข้าร่วมข้อตกลง Abraham Accords แต่ประธานาธิบดีอัชชะเราะอ์ยังไม่มีท่าทีตอบรับที่ชัดเจน ชี้ให้เห็นว่าการปรับความสัมพันธ์เต็มรูปแบบอาจต้องใช้เวลานาน…