Global Gaze ปักษ์แรก พ.ค.68
Global Gaze ปักษ์แรกเดือนพฤษภาคม 2568 รายงานสถานการณ์และบทบาทของผู้นำที่น่าสนใจรอบโลกพร้อมประเมินแนวโน้ม
Global Gaze ปักษ์แรกเดือนพฤษภาคม 2568 รายงานสถานการณ์และบทบาทของผู้นำที่น่าสนใจรอบโลกพร้อมประเมินแนวโน้ม
รอบรั้วอาคเนย์ Intelligence Report by NIA ฉบับปักษ์แรก พฤษภาคม 2568
รายงานสถานการณ์และบทบาทของผู้นำที่น่าสนใจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมประเมินแนวโน้ม
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนและผู้แทนจากประเทศยุโรป รวมทั้งสหราชอาณาจักรจะเยือนกรุงอังการาของตุรกีใน 15 พฤษภาคม 2568 เพื่อเข้าร่วมการประชุมหารือเรื่องสันติภาพในยูเครน ซึ่งเป็นการประชุมในโอกาสเดียวกันกับการประชุมกลุ่ม North Atlantic Council อย่างไม่เป็นทางการที่เมือง Antalya ของตุรกี ซึ่งจะมีผู้แทนระดับสูงจากประเทศต่าง ๆ ประมาณ 30 ประเทศเข้าร่วม ดังนั้น ผู้นำตุรกีหรือประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdoğan จึงให้ความสำคัญกับการจัดประชุมครั้งนี้ เนื่องจากจะเป็นโอกาสต้อนรับผู้แทนระดับสูงจากต่างประเทศ และส่งเสริมบทบาทของตุรกีในฐานะผู้ค้ำประกันความมั่นคงของภูมิภาคยุโรป การประชุมที่ตุรกีมีความสำคัญต่ออนาคตสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอย่างมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีรายงานว่ารัฐบาลรัสเซียจะส่งผู้แทนเยือนตุรกีเพื่อเจรจากับยูเครนด้วย และคาดหวังว่าจะเกิดการพบกัน 3 ฝ่ายระหว่างผู้นำรัสเซีย ยูเครน และสหรัฐฯ เพื่อหาทางออกของสงคราม อย่างไรก็ตาม มีข่าวสารยืนยันว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียจะไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว รวมทั้งไม่เป็นผู้แทนเจรจากับยูเครน ทั้งที่ หลายฝ่ายคาดหวังให้ผู้นำรัสเซียเยือนตุรกีเพื่อเข้าร่วมการเจรจาครั้งนี้ ที่อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานานกว่า 3 ปีและส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความมั่นคงโลก ผู้นำยูเครนแสดงความคิดเห็นก่อนหน้านี้ว่าพร้อมจะเจรจากับรัสเซีย โดยมีเงื่อนไขว่าประธานาธิบดีรัสเซียต้องเป็นผู้แทนในการเจรจาเท่านั้น เพื่อให้ระดับการเจรจามีความเท่าเทียมกันและสามารถตัดสินใจประเด็นสำคัญได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อประธานาธิบดีปูตินไม่มาเข้าร่วม ประธานาธิบดีเซเลนสกีแสดงความผิดหวังและจำเป็นต้องลดระดับคณะผู้แทนการเจรจา ทั้งนี้ ฝ่ายรัสเซียส่งนาย…
นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย เยือนกรุงมอสโกของรัสเซียเมื่อ 13-16 พฤษภาคม 2568 อย่างเป็นทางการตามคำเชิญของประธานาธิบดีวลาร์ดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ทั้งสองฝ่ายได้พบหารือกันเมื่อ 14 พฤษภาคม 2568 การเยือนรัสเซียครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีอิบราฮิมรับตำแหน่งเมื่อปี 2565 ซึ่งครั้งแรกได้พบกับประธานาธิบดีปูตินอย่างไม่เป็นทางการระหว่างที่นายกรัฐมนตรีอิบราฮิมเข้าร่วมประชุม Eastern Economic Forum ที่เมืองวลาดิวอสต็อก เมื่อปี 2567 ผลการพบหารือระหว่างผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ นายกรัฐมนตรีมาเลเซียระบุว่ารัสเซียเป็นมิตรประเทศที่ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย และความร่วมมือของทั้ง 2 ประเทศจะขยายตัวต่อไป ทั้งในมิติความมั่นคง เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี ผู้นำมาเลเซียคาดหวังว่ารัสเซียกับมาเลเซียจะมีความร่วมมืออย่างเป็นทางการด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหาร การพัฒนาด้านดิจิทัล เทคโนโลยีอวกาศ การพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ รวมทั้งความร่วมมือด้านการหหาร นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังหารือโดยตรงกับนายกรัฐมนตรี Mikhail Mishustin ของรัสเซียเมื่อ 14 พฤษภาคม 2568 รวมทั้งใช้โอกาสดังกล่าวเชิญนายกรัฐมนตรีรัสเซียเยือนมาเลเซียด้วย ประเด็นสำคัญที่ผู้นำมาเลเซียต้องการบรรลุข้อตกลงจากการเยือนครั้งนี้ คือ กระชับความสัมพันธ์กับรัสเซีย โดยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศอีกครั้ง ด้วยสายการบิน Aeroflot ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์บ่งชี้การขยายความสัมพันธ์และส่งเสริมบทบาทการเป็นศูนย์กลางการเดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของมาเลเซีย ตลอดจนเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การดำเนินธุรกิจและการแลกเปลี่ยนประชาชนระหว่างกัน…
CyberXplore ฉบับปักษ์แรกเดือนพฤษภาคม 2568 รายงานสถานการณ์ไซเบอร์รอบโลก รายปักษ์ ทุก 15 วัน
การประชุมหารือด้านนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลีใต้ (ASEAN-ROK Think-tank Dialogue on Economic and Trade Policy-AKTD) จะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่จังหวัดเชจู เกาหลีใต้ เมื่อ 14 พ.ค.68 โดยมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยชั้นนำของอาเซียนและเกาหลีใต้เข้าร่วมประมาณ 100 คน ทั้งนี้ AKTD ได้จัดตั้งขึ้นหลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านในระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ที่นครหลวงเวียงจันทน์ ลาว เมื่อ ต.ค.67 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการกำหนดนโยบายของประเทศสมาชิกอาเซียนผ่านการศึกษาและวิจัยร่วมกัน
ประธานาธิบดีกุสตาโว เปโตร ของโคลอมเบียกล่าวในที่ประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 4 ของกรอบความร่วมมือระหว่างจีนกับกลุ่มประชาคมรัฐลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (China-Community of Latin American and Caribbean States Forum) หรือ China-CELAC Forum ที่กรุงปักกิ่ง เมื่อ 12 พ.ค.38 ว่า จะเข้าร่วมโครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน แต่ยืนยันการบูรณาการกับประเทศเพื่อนบ้านในลาตินอเมริกา เช่น เวเนซุเอลา ปานามา และเอกวาดอร์ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ การสร้างสายเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้ทะเล สำหรับเชื่อมเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโทรคมนาคมข้ามลาตินอเมริกา เอเชียและยุโรป ทั้งนี้ ประเทศลาตินอเมริกาและแคริบเบียนที่เข้าร่วมในโครงการ BRI ของจีนแล้ว มีเป้าหมายมุ่งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เทคโนโลยี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศผ่านการร่วมมือกับจีน ซึ่งอิทธิพลและบทบาทของจีนในโคลอมเบียอาจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างโคลอมเบียกับสหรัฐฯ ที่กำลังถดถอยอย่างมาก
นสพ.Vientiane Times ฉบับ 13 พ.ค.68 รายงานว่า รัฐบาลลาวร่วมกับบริษัท Borikhamxay Logistics Terminal เอกชนลาว พัฒนาท่าเรือบก (dry port) แห่งใหม่ ณ บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 (จ.บึงกาฬ-แขวงบอลิคำไซ) อ.ปากซัน แขวงบอลิคำไซ คาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์และการค้าระหว่างไทยกับลาว และการปรับปรุงกระบวนการศุลกากร ทั้งนี้ ท่าเรือบกทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ ช่วยอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสินค้าระหว่างลาวกับไทย และลดต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความร่วมมือเศรษฐกิจข้ามพรมแดน และเชื่อมโยงในภูมิภาค สอดคล้องตามกลยุทธ์เปลี่ยนลาวจากประเทศไม่มีทางออกสู่ทะเลเป็นประเทศเชื่อมโยงภูมิภาค
การเปิดเผยข้อมูลของบริษัทผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่น Honda Motor Co. เมื่อ 13 พ.ค.68 ระบุว่า บริษัทคาดการณ์กำไรสุทธิจากการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 (1 เม.ย.68-31 มี.ค.69) ลดลง 650,000 ล้านเยน (ประมาณ 147,000 ล้านบาท) หรือร้อยละ 70.1 จากปีที่ผ่านมา เหลือเพียง 250,000 ล้านเยน (ประมาณ 56,500 ล้านบาท) เพราะผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการแข็งค่าของเงินเยน ในส่วนผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจลดลงประมาณ 45,200 ล้านบาท ด้วยการย้ายสายการผลิตรถยนต์บางรุ่นไปยังสหรัฐฯ และการลดต้นทุน อีกทั้งจะพิจารณาปรับขึ้นราคารถยนต์ และเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัทได้เลื่อนแผนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ในแคนาดาออกไปประมาณ 2 ปี จากปี 2571 เนื่องจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าชะลอตัวลง
อินเดียประกาศให้นักการทูตปากีสถานรายหนึ่งเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา (Persona Non Grata-PNG) และให้ออกจากอินเดียภายใน 24 ชั่วโมง เมื่อ 13 พ.ค.68 เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมกับเอกสิทธิ์ทางการทูต อินเดียยังประท้วงผ่านช่องทางการทูตเกี่ยวกับพฤติกรรมดังกล่าวต่ออุปทูตปากีสถาน/นิวเดลี ทั้งนี้ แหล่งข่าวจาก กต.อินเดียระบุว่านักการทูตปากีสถานดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับคดีการจับกุมผู้ต้องสงสัยจากรัฐปัญจาบในข้อหาจารกรรมและเปิดเผยข้อมูลลับทางการทหารของอินเดียแก่ปากีสถาน อาทิ ภาพถ่ายพื้นที่ภายในค่ายทหารและฐานทัพอากาศของอินเดีย ก่อนหน้านี้ อินเดียขับนักการทูตและ จนท.สอท.ปากีสถาน/นิวเดลี จำนวน 25 ราย ปัจจุบันเหลือ จนท.เพียง 30 ราย