จริงอยู่ที่ว่าการขับเน้นภาพย้ำซ้ำเดิมผ่านสื่อภาพยนตร์จะช่วยกระจายสารให้สาธารณชน ไม่ให้หลงลืมไปว่าสังคมยังมีปัญหาความไม่เท่าเทียมทางอำนาจระหว่างหญิงชาย ดังเช่นภาพยนตร์แบบสตรีนิยมอย่าง The Substance ของผู้กำกับหญิง Coralie Fargeat ที่ขับเน้นประเด็นความทุกข์ทนที่ผู้หญิงต้องเผชิญจากความคาดหวังของสังคมเกี่ยวกับการรักษา “มาตรฐานความงาม” (Beauty Standard) ตามบรรทัดฐานสังคม แม้ในยามที่อายุล่วงเข้าสู่วัยที่ไม่อาจฝืนไว้ได้ อุตสาหกรรมบันเทิงยังเป็นตัวอย่างอันสมบูรณ์แบบของสังคมชายเป็นใหญ่ (Patriarchy)
แต่การที่ภาพยนตร์เลือกสื่อสารเช่นนั้น (และการที่หนังฮอลลีวูดที่มีท่าทีมีสตรีนิยมเรื่องอื่น ๆ เลือกจะสื่อสารเช่นนี้ซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ) ในอีกทางหนึ่ง อาจเป็นการชี้นิ้วด่าผู้หญิง เช่นเดียวกับการผลิตซ้ำภาพจำเชิงลบ (negative stereotype) ของผู้หญิงให้เป็นภาพของเพศที่ขาดอำนาจในการควบคุมตัวเอง การกระทำการใดของผู้หญิงเป็นไปเพียงเพื่อสนองความพึงพอใจของบุคคลอื่นเท่านั้น
The Substance กำหนดบทบาทให้ Elisabeth Sparkle (รับบทโดย Demi Moore) เป็นดาวเด่นของวงการบันเทิง แต่อายุที่ร่วงโรยทำให้ความงามตามมาตรฐานสังคมเลือนหาย โดยเฉพาะในสายตาของ Harvey โปรดิวเซอร์ชาย ที่ผู้มีอำนาจชี้เป็นชี้ตายว่าใครจะเป็นดาวดวงเด่นของวงการ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว Harvey ถอดรายการของ Elisabeth ออกจากผัง เพื่อจัดสรรเวลาให้กับดาราหญิงรุ่นใหม่
The Substance หรือ “สสาร” ที่เป็นชื่อของหนัง คือสสารวิเศษที่ช่วยให้มนุษย์แบ่งตัวได้เป็น 2 เซลส์เหมือนสัตว์ที่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยที่ตัวตนใหม่จะมีความพิเศษคือความเยาว์วัย ตอบโจทย์ของ Elisabeth ที่กำลังทุกข์จากการไม่เป็นที่รัก จากการไม่ถูกจ้องมองด้วยสายตาชื่นชม จากการถูกแทนที่ ฯลฯ หรือพูดอีกอย่างคือ เธอตัดสินคุณค่าตัวเองจากการกระทำของบุคคลภายนอกที่กระทำต่อเธอ
สังคมชายเป็นใหญ่คือโครงสร้างสังคมที่อยู่บนพื้นฐานของความไม่เท่าเทียมทางอำนาจระหว่างชายและหญิง ผู้ชายกำหนดบทบาทหน้าที่ให้กับผู้หญิง กดขี่ผู้หญิงไว้ให้เพียงปฏิบัติตามสิ่งที่ผู้ชายกำหนด หรือคิดให้เท่านั้น ในเรื่อง The Substance มี Harvey เป็นผู้ชาย และเป็นตัวแสดงหนึ่งในระบบดังกล่าว แต่ในสังคมผู้ทรงอำนาจไม่จำเป็นต้องเป็น Harvey เป็นใครก็ได้ หรือเป็นผู้หญิงก็ยังได้ แต่แนวคิดชายเป็นใหญ่ที่ฝังรากลึก ส่งผลให้เกิดสภาพน่าเศร้าว่า หญิงคนนั้นก็จะตัดสินใจไม่ต่างจาก Harvey เพราะแนวคิดชายเป็นใหญ่ บูรณาการตัวเองเข้ากับสังคมมานาน จนเป็นความคิดหลักของสังคมไปแล้ว ผู้หญิงไม่มีสิทธิปฏิเสธ ไปจนถึงผู้หญิงบางคนต่อสู้เพื่อปกป้องค่านิยมชายเป็นใหญ่ที่เธอถูกปลูกฝังมาแต่กำเนิด (internalized misogyny)
หน้าตาและเรือนร่างที่สวยงามและเยาว์วัย คืออุตสาหกรรมบันเทิงในสังคมชายเป็นใหญ่กำหนดเอาไว้ว่าคุณค่าของผู้หญิงคือความสวยงามและความเยาว์วัย และผู้หญิงที่จะเด่นดังได้ต้องรักษาคุณสมบัติดังกล่าวเอาไว้ให้ได้ ในเรื่อง The Substance ตัวละครชื่อ Elisabeth พึงใจเหลือเกินกับเรือนร่างใหม่ของเธอ (ในชื่อ Sue) และทุกข์ทรมานทุกครั้งที่ต้องกลับสู่เรือนร่างแก่ชราตามข้อกำหนดของการใช้งานสสารที่ต้องสลับร่างไปมาทุก 7 วัน ความเกลียดชังตัวเองของ Elisabeth คือผลจากการทำงานอย่างทรงประสิทธิภาพของความคิดแบบชายเป็นใหญ่ ที่บ่มเพาะให้ผู้หญิงเชื่อสุดใจว่าเธอไร้ค่าเสียแล้วเมื่อไม่สามารถรักษาความงามเอาไว้ได้
ผู้ชมในโรงภาพยนตร์ที่ดูเรื่องนี้ หลายคนคงตั้งคำถามในใจว่า Demi Moore ไม่สวยอย่างนั้นหรือ เชื่อว่าคำตอบคือ เธอยังคงสวยตามมาตรฐานความงาม แม้อายุเลยหลัก 60 ดังนั้น ผู้ชมที่มองว่าเธอยังสวย จะไม่เข้าใจกับการที่ตัวละคร Elisabeth ที่ Demi Moore แสดง ว่าเธอทำไมถึงช่างเกลียดหน้าตาและเรือนร่างตัวเองเหลือเกิน ความสับสนที่เกิดขึ้นนี้เองคือการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพของผู้สร้างภาพยนต์เรื่องนี้ คือการส่งสารออกมาว่า Elisabeth ถูกแนวคิดชายเป็นใหญ่กลืนกินจนหมดสิ้นความเคารพต่อตัวเอง ขาดความสามารถในการควบคุมตัวเอง หรือพูดให้แรงกว่านั้นคือที่ผู้หญิงตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นเพราะเธอโง่เอง ซึ่งเธอได้ตัดสินใจกระทำการแย่ ๆ เหนือเรือนร่างตนเอง (จนกลายสภาพเป็นปีศาจอัปลักษณ์ในท้ายที่สุด)
นั่นคือปัญหาจริงที่เกิดขึ้นในสังคม และ The Substance ก็ถ่ายทอดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่คำถามคือ การย้ำภาพจำเช่นนี้ของผู้หญิง โดยละเลยการพูดถึงปัจจัยเชิงโครงสร้าง คือการผลิตซ้ำอคติต่อสตรีหรือไม่ เฉพาะอย่างยิ่ง The Substance เลือกให้ Elisabeth และ Sue แก้ปมปัญหาด้วยตบตีกัน เพื่อแย่งชิงตำแหน่งการเป็น main girl ในสายตาผู้ชาย ยิ่งเสริมภาพจำเชิงลบของผู้หญิง ภาพของความสิ้นหวังที่ผู้หญิงไม่สามารถร่วมมือกัน เพื่อโค่นล้มสังคมชายเป็นใหญ่ได้ ทำได้เพียงต่อสู้กันเพื่อปีนบันไดขึ้นสู่ตำแหน่งผู้เป็นที่รักในโครงสร้างสังคมชายเป็นใหญ่ ต่อสู้กันเองด้วยการสมาทานเอาแนวคิด ประพฤติตนตามแนวทางชายเป็นใหญ่ ไปจนถึงอุทิศตนเพื่อปกป้องระบบ เพื่อที่ผู้ชายจะเอื้อเฟื้อแบ่งปันอำนาจให้เธอบ้าง