เนเธอร์แลนด์
ระบุเมื่อ 14 ม.ค.65 จะผ่อนปรนมาตรการ Lockdown บางส่วน ใน 15 ม.ค.65 โดยจะอนุญาตให้ร้านค้า ร้านทำผม ยิม และมหาวิทยาลัย และผู้ค้าประเวณี เปิดทำการได้
ระบุเมื่อ 14 ม.ค.65 จะผ่อนปรนมาตรการ Lockdown บางส่วน ใน 15 ม.ค.65 โดยจะอนุญาตให้ร้านค้า ร้านทำผม ยิม และมหาวิทยาลัย และผู้ค้าประเวณี เปิดทำการได้
ระบุเมื่อ 14 ม.ค.65 ผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค COVID-19 โดยอนุญาตให้ประชาชนรวมกลุ่มไม่เกิน 6 คน เพิ่มขึ้นจาก 4 คน แต่ยังคงกำหนดให้ร้านอาหารและร้านกาแฟให้บริการได้ถึงเวลา 21.00 น. โดยมีผลบังคับใช้ถึง 6 ก.พ.65
ระบุเมื่อ 14 ม.ค.65 ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มแรก ให้เยาวชนอายุ 15-18 ปี แล้วมากกว่า 31.4 ล้านคน หรือร้อยละ 42 ของประชากรช่วงอายุดังกล่าวทั้งประเทศ โดยอินเดียตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมร้อยละ 80-85 ของกลุ่มเยาวชนช่วงอายุ 15-17 ปี ซึ่งมีประมาณ 74 ล้านคน ภายใน 31 ม.ค.65
ระบุเมื่อ 13 ม.ค.65 สถาบันการแพทย์ 3 แห่ง ร่วมสนับสนุนโครงการวิจัยเพื่อทดสอบประสิทธิภาพการใช้วัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ที่ไม่ใช่วัคซีน mRNA เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA ชนิดเดียวกันทั้งสามเข็ม โดยคาดว่าจะสรุปผลการวิจัยได้ใน เม.ย.66
ระบุเมื่อ 13 ม.ค.65 แนะนำให้ใช้ยา 2 ชนิดในการรักษาผู้ป่วยโรค COVID-19 ได้แก่ 1) ยาบาริซิทินิบ (Baricitinib) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาโรคภูมิต้านเนื้อเยื่อของตนเอง มะเร็งเม็ดเลือดขาว และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และ 2) ยาโซโทรวิแมบ (Sotrovimab) สำหรับผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง
ประกาศเมื่อ 13 ม.ค.65 จะผ่อนคลายมาตรการกักตัวผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงสูง ตั้งแต่ 17 ม.ค.65 โดยให้กักตัวอย่างน้อย 5 วัน และให้พ้นการกักตัวหากตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจ ATK ในวันที่ 5 และ 6 ให้ผลเป็นลบติดต่อกัน 2 วัน และไม่มีไข้
ระบุเมื่อ 13 ม.ค.65 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนแล้ว 5,488 ราย ใน 28 รัฐ/ดินแดนสหภาพ จากทั้งหมด 36 แห่ง (28 รัฐ และ 8 ดินแดนสหภาพ) โดยพื้นที่ที่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวมากที่สุด ได้แก่ 1) รัฐมหาราษฏระ 1,367 ราย 2) รัฐราชสถาน 792 ราย 3) ดินแดนสหภาพเดลี 549 ราย 4) รัฐเกรละ 486 ราย และ 5) รัฐกรณาฏกะ 479 ราย ซึ่งอินเดียตรวจพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดังกล่าวเป็นครั้งแรกเมื่อ 2 ธ.ค.64 ที่รัฐกรณาฏกะ
ระบุเมื่อ 12 ม.ค.65 อนุมัติใช้วัคซีน Novavax ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ชนิดที่ 5 ที่เกาหลีใต้อนุมัติใช้ในประเทศ เพิ่มเติมจากวัคซีน AstraZeneca วัคซีน Pfizer วัคซีน Moderna และวัคซีน Johnson & Johnson
ระบุเมื่อ 12 ม.ค.65 รัฐสภามีมติให้สมาชิกรัฐสภาที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 เข็มกระตุ้น ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีน หรือใบรับรองแพทย์ที่แสดงว่าหายจากโรค COVID-19 พร้อมผลตรวจหาเชื้อ COVID-19 ด้วยวิธี PCR ที่แสดงผลไม่พบเชื้อ ก่อนเข้าห้องประชุม โดยอยู่ระหว่างกำหนดอัตราโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน ซึ่งในเบื้องต้นมีการเสนอโทษปรับ 1,000 ยูโร (ประมาณ 38,120 บาท) สำหรับความผิดครั้งแรก และ 2,000 ยูโร (ประมาณ 76,240 บาท) สำหรับการกระทำความผิดซ้ำ รวมทั้งอาจสั่งห้ามสมาชิกผู้กระทำผิดเข้าพื้นที่รัฐสภา
ระบุเมื่อ 12 ม.ค.65 กำหนดให้ผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะในกรุงมะนิลา ต้องแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ส่วนผู้ที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้หรือได้รับการยกเว้น ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ก่อนใช้บริการ