สหรัฐฯ
ระบุเมื่อ 8 ส.ค.64 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน เป็นวันละประมาณ 100,000 ราย เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา และชาวอเมริกันบางส่วนไม่ฉีดวัคซีน
ระบุเมื่อ 8 ส.ค.64 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน เป็นวันละประมาณ 100,000 ราย เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 สายพันธุ์เดลตา และชาวอเมริกันบางส่วนไม่ฉีดวัคซีน
ประกาศเมื่อ 7 ส.ค.64 จะเริ่มฉีดวัคซีนของบริษัท AstraZeneca เป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับบุคคลากรด่านหน้า เช่น แพทย์ จนท.รัฐ และ จนท.ที่ปฏิบัติงานตามแนวชายแดน ในจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับไทย ได้แก่ จ.พระตะบอง จ.บันเตียเมียนเจย จ.ไพลิน จ.เกาะกง จ.อุดรมีชัย จ.โพธิสัต และ จ.พระวิหาร ตั้งแต่ 8 ส.ค.64
ระบุเมื่อ 8 ส.ค.64 เริ่มยกระดับมาตรการควบคุมโรค COVID-19 โดยขยายการใช้งานระบบ Green Pass ในกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มทั้งหมด จากเดิมใช้เฉพาะในการรวมกลุ่มมากกว่า 100 คน ซึ่งอนุญาตให้ใช้บริการเฉพาะผู้ได้รับวัคซีนครบโดส ผู้ที่หายจากโรค COVID-19 และผู้ที่มีผลตรวจไม่พบเชื้อเท่านั้น
ประกาศเมื่อ 8 ส.ค.64 จะเริ่มเปิดให้ผู้แสวงบุญชาวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนครบโดส ยื่นคำขอเดินทางเยือนนครมักกะฮ์ เพื่อประกอบพิธีอุมเราะห์ ใน 9 ส.ค.64
ระบุเมื่อ 7 ส.ค.64 อนุมัติใช้วัคซีนของบริษัท Johnson & Johnson ของสหรัฐฯ เป็นกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ชนิดที่ 5 ที่อินเดียอนุมัติต่อจากวัคซีน Covishield วัคซีน Covaxin วัคซีน Sputnik V และวัคซีน Moderna ตามลำดับ
ประกาศเมื่อ 6 ส.ค.64 ขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในฮานอยออกไปอีก 15 วัน ระหว่าง 8-22 ส.ค.64 ซึ่งอนุญาตให้ประชาชนออกนอกเคหสถาน เพื่อซื้อสิ่งของจำเป็น เช่น อาหาร และยา หรือเดินทางไปทำงานในสถานประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้เปิดกิจการเท่านั้น
แถลงเมื่อ 6 ส.ค.64 จะเริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรค COVID-19 หลังจากวันชาติสิงคโปร์ (9 ส.ค.) ที่คาดว่า จะมีผู้รับวัคซีนรวมมากกว่าร้อยละ 70 ของประชากร โดยในระยะแรกจะอนุญาตให้ผู้ฉีดวัคซีนครบโดสสามารถรับประทานอาหารที่ร้านไม่เกิน 5 คน ออกกำลังกาย และจัดงานสมรส เป็นต้น
ระบุเมื่อ 6 ส.ค.64 อยู่ระหว่างพิจารณาจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่า จะบังคับใช้ใน 11 ส.ค.64 โดยกำหนดให้บุคคลที่จะเดินทางออกนอกออสเตรเลียต้องแสดงเหตุจำเป็นต่อ จนท.ตม. อาทิ การทำงาน เหตุผลทางการแพทย์ และการเดินทางเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
ระบุเมื่อ 5 ส.ค.64 จะส่งมอบวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 รวม 2,000 ล้านโดส ให้นานาประเทศภายในปี2564 และจะบริจาคเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,337 ล้านบาท) ผ่านโครงการ COVAX ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้สำหรับกระจายวัคซีนให้กับประเทศกำลังพัฒนา
ระบุเมื่อ 5 ส.ค.64 ว่า บริษัท Panacea Biotec ของอินเดีย จะผลิตวัคซีน Sputnik V ของรัสเซีย สำหรับใช้ในอินเดีย จำนวน 25 ล้านโดส โดยใช้ตัวยาสำคัญ (Drug Substance) ของบริษัท Generium ซึ่งเป็นบริษัทยารัสเซีย และจะส่งมอบให้บริษัท Dr. Reddy’s Laboratories ของอินเดีย เพื่อกระจายวัคซีนต่อไป