The Intelligence Weekly Review (17/04/2022)
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
สำนักข่าว Tass ของรัสเซีย รายงานอ้างทวีตข้อความในเทเลแกรมของนายดมิตรี เมดเวเดฟ รองประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เมื่อ 14 เม.ย.65 ว่า รัสเซียจะเสริมความมั่นคงและความปลอดภัยตามแนวชายแดนฝั่งตะวันตก หากฟินแลนด์และสวีเดนเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (North Atlantic Treaty Organisation-NATO) และจะไม่มีการเจรจาในประเด็นสถานะเขตปลอดนิวเคลียร์ในทะเลบอลติก นอกจากนี้ รัสเซียอาจต้องเสริมกองกำลังภาคพื้นดิน ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และวางกองกำลังกองทัพเรือถาวรบริเวณอ่าวฟินแลนด์ ซึ่งรวมถึงสั่งเตรียมพร้อมขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Iskanders และเรือรบที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ ในวันเดียวกัน นายอเล็กซานเดอร์ กรุสโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า รัสเซียจะใช้มาตรการด้านความมั่นคงและความปลอดภัยที่จำเป็นหากสวีเดนและฟินแลนด์เป็นสมาชิก NATO ซึ่งฟินแลนด์มีพรมแดนติดรัสเซีย ระยะทาง 1,300 กิโลเมตร จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่รัสเซียจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการพัฒนาด้านการทหาร และความเป็นไปได้สูงที่รัสเซียจะปรับใช้อาวุธนิวเคลียร์ในภูมิภาคบอลติก ขณะที่การดำเนินความสัมพันธ์ทางการทูตกับสวีเดนและฟินแลนด์ยังคงอยู่ แม้ทั้งสองประเทศเข้าร่วมคว่ำบาตร และรณรงค์กับประเทศตะวันตกต่อต้านรัสเซียก็ตาม ทั้งนี้ ฟินแลนด์และสวีเดนจะยื่นเสนอชื่อเป็นสมาชิก NATO ใน มิ.ย.65 หรือในห้วงการประชุมสุดยอด NATO ห้วง 29-30 มิ.ย.65 ที่กรุงมาดริด สเปน
พล.ต. Igor Konashenkov โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงเมื่อ 14 เม.ย.65 ว่า รัสเซียอาจโจมตีศูนย์กลางบัญชาการทางทหารฝ่ายยูเครน รวมถึงที่กรุงเคียฟ หากยูเครนยังไม่ยุติการพยายามก่อวินาศกรรมและบ่อนทำลายรัสเซีย พร้อมอ้างว่า ที่ผ่านมารัสเซียตั้งใจละเว้นการโจมตีศูนย์กลางบัญชาการของยูเครน นอกจากนี้ สำนักข่าว Fontanka สื่อท้องถิ่นของรัสเซีย รายงานในวันเดียวกันว่า เวลาประมาณ 14.00 น. (เวลาท้องถิ่นรัสเซีย) เกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนเขต Korenevsky ภูมิภาค Kursk ของรัสเซียซึ่งมีจุดข้ามแดนกับแคว้น Sumy ยูเครน และก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์ Moscow Times รายงานเมื่อ 12 เม.ย.65 ว่า เมืองรอบชายแดนรัสเซียหลายแห่งประกาศเฝ้าระวังการก่อการร้ายระดับสีเหลือง (รุนแรงระดับ 2 จากทั้งหมด 3 ระดับ) เพื่อให้เจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลางต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในการเฝ้าระวัง และประชาชนต้องพกเอกสารสำคัญยืนยันตัวบุคคล เฉพาะอย่างยิ่ง ภูมิภาค Kursk และภูมิภาค Belgorod (ระหว่าง 11-25 เม.ย.65 พร้อมห้ามจุดประทัดในพื้นที่) รวมถึงไครเมีย
เว็บไซต์ The Hill เผยแพร่ผลสำรวจความนิยมประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ของสหรัฐฯ เมื่อ 13 เม.ย.65 ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าว CNBC โดยชี้ว่าคะแนนนิยมตกต่ำลงอยู่ที่ร้อยละ 38 เนื่องจากชาวอเมริกันไม่พอใจผลงานการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและวิกฤตยูเครน นอกจากนี้ ชาวอเมริกันร้อยละ 47 เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบันไม่ดี และผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาห่วงโซ่อุปทาน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 และราคาพลังงานภายในประเทศได้ตามเป้าหมาย
นาย Karl Nehammer นายกรัฐมนตรีออสเตรีย เปิดเผยเมื่อ 11 เม.ย.65 ภายหลังการเดินทางเยือนรัสเซียและหารือกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ว่า การหารือเป็นไปอย่างตรงไปตรงมา เปิดกว้าง และจริงจัง แต่การเดินทางเยือนครั้งนี้ไม่ถือเป็นการเยือนที่เป็นมิตร เนื่องจากมีความพยายามหยิบยกประเด็นการสังหารประชาชนในเมือง Bucha ขึ้นหารือ และเน้นย้ำว่าต้องมีผู้รับผิดชอบการปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน ส่วนมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจะยังคงบังคับใช้ต่อไปจนกว่ารัสเซียจะถอนกำลังทหารออกจากยูเครนโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่ากองทัพรัสเซียเตรียมยกระดับปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ภาคตะวันออกของยูเครน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีออสเตรียมีกำหนดจะเดินทางเยือนยูเครนเพื่อหารือกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ใน 16 เม.ย.65
หนังสือพิมพ์ Moscow Times รายงานเมื่อ 11 เม.ย.65 อ้างรายงานธนาคารโลก (World Bank-WB) ซึ่งคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากปัจจัยสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนว่า เศรษฐกิจของยูเครนจะหดตัวถึงร้อยละ 45.1 ในปี 2565 ซึ่งต่างจากการประเมินก่อนหน้านี้ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund-IMF) เมื่อ มี.ค.65 ว่าจะหดตัวเพียงร้อยละ 10-35 ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product-GDP) ของรัสเซียจะหดตัวมากกว่าร้อยละ 11.2 อีกทั้งเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบระดับภูมิภาคจากปัจจัยผู้อพยพ รวมถึงทำให้ราคาพลังงานและธัญพืชเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ มอลโดวาจะเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากที่สุดเช่นกัน เนื่องจากมีเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับทั้งรัสเซียและยูเครนมาก ทั้งนี้ ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นเหตุการณ์กระทบครั้งใหญ่ที่สำคัญต่อเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ครั้งที่ 2 ในห้วง 2 ปี (ครั้งแรกเกิดจากวิกฤต COVID-19)
สำนักข่าว VOA รายงานเมื่อ 10 เม.ย.65 ว่า สหรัฐฯ รับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนที่ต้องการเดินทางจากเมือง Tijuana ของเม็กซิโกไปเมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่รับได้ประมาณ 600 คนต่อวัน โดยเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของสหรัฐฯ และเม็กซิโกร่วมกันอำนวยความสะดวกและดูแลชาวยูเครนในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ ปัจจุบันมีชาวยูเครนจำนวนมากรอเดินทางเข้าสหรัฐฯ จากเม็กซิโก หลังจากผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปลาย มี.ค.65 ว่าจะรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครน 100,000 คน เพื่อบรรเทาวิกฤตด้านมนุษยธรรมจากสถานการณ์การสู้รบในยูเครน
สหภาพยุโรป (European Union-EU) มีมติเมื่อ 8 เม.ย.65 ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียรอบที่ 5 เพื่อเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสร้างข้อจำกัดทางการเงิน โดยมีสาระสำคัญ 6 ข้อ ได้แก่ 1) ระงับการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซีย ซึ่งจะทำให้รัสเซียสูญเสียมูลค่าการค้า 8,000 ล้านยูโร/ปี ถือเป็นการร่วมกันห้ามนำเข้าพลังงานจากรัสเซียเป็นครั้งแรกของยุโรป แต่ยังไม่สามารถหาจุดร่วมกรณีการห้ามนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย 2) มาตรการทางการเงิน เช่น ระงับการทำธุรกรรมธนาคารรัสเซีย 4 แห่งที่ครองสัดส่วนในภาคการเงินรวมร้อยละ 23 ห้ามซื้อขายคริปโตเคอเรนซีในรัสเซีย และห้ามให้คำปรึกษาทางการเงินแก่นายทุนรัสเซีย 3) ด้านคมนาคม คว่ำบาตรผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างรัสเซียกับเบลารุส ยกเว้นการขนส่งสินค้าการเกษตร อาหาร ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และพลังงาน ห้ามเรือสัญชาติรัสเซียเทียบท่าเรือยุโรป ยกเว้นขนส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ อาหาร พลังงาน และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 4) ระงับการส่งออกสินค้าที่รัสเซียต้องพึ่งพายุโรป เช่น เทคโนโลยีควอนตัม เซมิคอนดักเตอร์ เครื่องจักร ขนส่ง…
The Intelligence Weekly Review นำเสนอความเคลื่อนไหวประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้นรอบโลกในแต่ละภูมิภาคให้ท่านผู้ฟังรู้ทันเหตุการณ์ เห็นความสำคัญ และนำมุมมองของเราไปใช้ประโยชน์กันต่อไป
สมัชชาสหประชาชาติ (United Nations General Assembly-UNGA) ลงมติเมื่อ 7 เม.ย.65 ระงับสมาชิกภาพของรัสเซียในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Human Rights Council-UNHRC) ตามที่สหรัฐฯ ยื่นข้อมติ โดยได้รับเสียงสนับสนุนจาก 93 ประเทศ คัดค้าน 24 ประเทศ และงดออกเสียง 58 ประเทศ รวมถึงไทย ทำให้ได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 ของจำนวนประเทศที่ลงคะแนนเสียงทั้งหมด 117 ประเทศ (ไม่นับรวมประเทศที่งดออกเสียง) ซึ่งนาย Gennady Kuzmin รองผู้แทนถาวรรัสเซียประจำ UN ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิก UNHRC ทั้งนี้ รัสเซียได้รับเลือกจาก UNGA เมื่อ ม.ค.64 ให้เป็น 1 ใน 47 ประเทศที่เป็นสมาชิก UNHRC มีวาระ 3 ปี