เว็บไซต์ทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย รายงานเมื่อ 30 มิ.ย.65 ว่า ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ของอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์ร่วม ภายหลังการพบหารือระหว่างผู้นำสองประเทศ โดยเป็นการเยือนมอสโกครั้งแรกของประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี เน้นเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งอินโดนีเซียเป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของรัสเซียในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก มูลค่าการค้าทวิภาคีเมื่อปี 2564 เติบโตกว่าร้อยละ 40 ขณะที่ห้วง ม.ค.-พ.ค.65 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 65 ทั้งสองฝ่ายสนใจผลักดันคณะกรรมาธิการร่วมรัสเซีย-อินโดนีเซียว่าด้วยเศรษฐกิจ การค้า และความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ทั้งนี้ รัสเซียจะผลักดันข้อตกลงเขตการค้าเสรี (Free Trade Zone-FTZ) ระหว่างสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union-EAEU) กับอินโดนีเซียให้แล้วเสร็จภายในปี 2565
ขณะที่บริษัทด้านพลังงานรัสเซียที่ดำเนินการในอินโดนีเซีย สนใจเข้าร่วมกับ Rosatom บริษัทพลังงานนิวเคลียร์รัสเซีย ในการพัฒนาอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ให้กับอินโดนีเซีย ซึ่งรวมถึงโครงการด้านการแพทย์และเกษตรกรรม นอกจากนี้ รัสเซียสนใจพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอินโดนีเซีย เช่น การรถไฟรัสเซียอาจมีส่วนร่วมในโครงการขนาดใหญ่ของอินโดนีเซีย เพื่อย้ายเมืองหลวงไปยังเกาะกาลิมันตัน
ด้านประธานาธิบดีอินโดนีเซียเน้นว่า อินโดนีเซียไม่มีส่วนได้ส่วนเสียจากสงครามในยูเครน แต่ประสงค์ให้สงครามยุติโดยเร็วที่สุด และฟื้นฟูห่วงโซ่อุปทาน อาหาร ปุ๋ย และพลังงาน ในทันที ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีรัสเซียมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูห่วงโซ่อุปทานที่ถูกขัดขวางจากการคว่ำบาตรรัสเซีย พร้อมปฏิบัติตามข้อผูกพันตามสัญญาจัดหาอาหาร ปุ๋ย แหล่งพลังงาน และสินค้าสำคัญอื่น ๆ ซึ่งรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกอาหารหลักของโลก โดยเมื่อปี 2564 รัสเซียจัดหาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไปยัง 161 ประเทศ ส่งออกธัญพืชมากกว่า 43 ล้านตัน รวมถึงข้าวสาลี 33 ล้านตัน คาดว่าในปี 2565 จะเก็บเกี่ยวผลผลิตและเพิ่มปริมาณส่งออกได้มากถึง 50 ล้านตัน ส่วนสัดส่วนปุ๋ยแร่ (ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และวัตถุดิบสำหรับการผลิต) ของรัสเซียในตลาดโลกอยู่ที่ร้อยละ 11-20 ซึ่งปี 2564 รัสเซียส่งออก 37 ล้านตัน