องค์กร Amnesty International (AI) เผยแพร่รายงานเรื่อง “Deadly Cargo : Exposing the Supply Chain that Fuels War Crimes in Myanmar” เมื่อ 3 พ.ย.65 เรียกร้องให้รัฐและบริษัทต่าง ๆ ระงับการส่งออกเชื้อเพลิงอากาศยานให้กับเมียนมา เพื่อป้องกันการถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อพลเรือน
โดย AI ระบุว่า ห่วงโซ่อุปทานหลักที่ทำหน้าที่จัดการ จัดเก็บ และกระจายเชื้อเพลิงในเมียนมา คือ Puma Energy ซึ่งดำเนินการผ่านบริษัทลูกคือ Puma Energy Asia Sun (PEAS) และบริษัทร่วมทุนคือ National Energy Puma Aviation Services (NEPAS) โดยห้วง ก.พ.64 – ก.ย.65 พบว่ามีเรือขนส่งน้ำมันอากาศยาน (Jet A-1) 8 เที่ยว เข้ามาเก็บไว้ในสถานีน้ำมันของ PEAS ที่ท่าเรือติลาวา ภาคย่างกุ้ง ก่อนจะกระจายต่อให้กับคลังเชื้อเพลิงของ NEPAS รวมถึงฐานบินกองทัพอากาศเมียนมา แหล่งต้นทางมาจากบริษัท PetroChina ของสิงคโปร์ บริษัท Rosneft ของรัสเซีย บริษัท Chevron Singapore บริษัท ExxonMobil และบริษัท Thai Oil
ทั้งนี้ AI อ้างว่าน้ำมันจาก PetroChina และ Thai Oil ถูกนำไปใช้งานของกองทัพเมียนมา อย่างไรก็ดี Thai Oil ได้ชี้แจงว่ามีการระงับการขายน้ำมัน Jet A-1 ให้กับเมียนมาแล้วจนกว่าปัญหาจะยุติ ส่วนฐานบินที่มีปฏิบัติการโจมตีจนส่อนัยถึงการก่ออาชญากรรมสงคราม ได้แก่ ฐานบินหม่อบิในภาคย่างกุ้ง ฐานบินมะก่วยในภาคมะก่วย ฐานบินตองอูในภาคพะโค ฐานบินทาดาอูในภาคมัณฑะเลย์
Credit ภาพ : zoyaphanpage, laprensalatina