การชนะเลือกตั้งของพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดในยุโรปครั้งแล้วครั้งเล่าสะท้อนว่าคนยุโรปต้องการปกป้องเอกลักษณ์ของตนเองมากขึ้นขณะเดียวกันก็จะกีดกันคนต่างถิ่นและหันเหออกจากสหภาพยุโรปมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ล่าสุดนายเกี้ยร์ต ไวน์เดอร์ ผู้นำพรรค PVV ของเนเธอร์แลนด์ที่นิยมขวาจัดคว้าที่นั่งมาเป็นอันดับ 1 คือ 37 ที่นั่งจาก 150 ซึ่งไม่ว่าเขาจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลผสมได้หรือไม่แต่การเมืองเนเธอร์แลนด์จะเปลี่ยนไปสู่การสกัดกั้นผู้อพยพ การกีดกันชาวมุสลิม และการพยายามแยกตัวออกจากอียูให้ได้แบบเดียวกับอังกฤษ
สิ่งที่จะเกิดตามมาคือการปะทะกันของค่านิยมประชาธิปไตยกับอัตตาธิปไตยที่เอาประโยชน์ของตนเองมาก่อน สุดท้ายไม่ว่าอุดมคติของคนจะสวยงามเลิศหรูเพียงใดก็แพ้สัญชาติญาณความเป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวตนก่อน
เกี้ยร์ต ไวน์เดอร์ หรือฉายาว่าทรัพม์แห่งดัชท์ เดินตามแนวหาเสียงของทรัมพ์จึงมุ่งรณรงค์ให้ความสำคัญกับชาวดัชท์ก่อนคนชาติอื่น ดังนั้นความช่วยเหลือที่ให้กับผู้อพยพหรือการไปร่วมลงขันความช่วยเหลืออื่นๆในนามอียูจะถูกตัดออกไป ยังไม่นับการต่อต้านการสอนและการปฏิบัติตามศาสนาอิสลามในเนเธอร์แลนด์ รวมทั้งการดำริจะย้ายสถานทูตไปที่เยรูซาเลมเพื่อแสดงการสนับสนุนอิสราเอล เหล่านี้บ่งบอกว่าชาวดัชท์คิดอย่างไรจึงได้เลือกเขามาเป็นอันดับ 1
หากเกี้ยร์ต ไวน์เนอร์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขวาจัดคนแรกของเนเธอร์แลนด์เขาก็จะมีคู่หูเป็นผู้นำเผด็จการอย่างจอร์เจีย เมโลนี่ นายกอิตาลี และวิคเตอร์ โอบาน นายกฮังการี รวมทั้งผู้นำรัฐบาลฝ่ายขวาที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นลำดับจากสโลวาเกีย สเปน เยอรมันและโปแลนด์
ภูมิทัศน์ทางการเมืองยุโรปกำลังเปลี่ยนไป ประชาธิปไตยเสื่อมถอย ลัทธิชาตินิยมแผ่ขยายตามด้วยประชานิยมที่จะมาพร้อมกับการกีดกันทางการเมืองและเศรษฐกิจต่อประเทศอื่นที่คิดเห็นไม่ตรงกัน สังคมกว้างขึ้นแต่ใจคนแคบลง การรวมกลุ่มประเทศต่อไปไม่ได้ทำเพื่อช่วยเหลือผู้อ่อนแอกว่าแต่ทำเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง
ยุโรปและอเมริกาคือต้นความคิดที่สมัยหนึ่งสร้างสรรค์แต่สมัยนี้กลับทำลาย เมื่อเป็นอย่างนี้คนอย่างเราๆ ควรหวนกลับมายึดมั่นค่านิยมตะวันออกที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเราและทำให้อยู่มาได้จนทุกวันนี้ …ดีกว่ามั้ย
Credit : TB-TALK facebook