ความรุนแรงจากการสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซายังตึงเครียด ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในฉนวนกาซาที่ถูกบังคับให้พลัดถิ่น และเสี่ยงเผชิญภาวะขาดแคลนอาหาร ด้านกองทัพอิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการทางการทหารเพื่อปราบปรามกลุ่มฮะมาสและเร่งช่วยเหลือตัวประกัน ทั่วทั้งพื้นที่ฉนวนกาซา พร้อมทั้งยืนยันว่ามีการแจ้งเตือนประชาชนในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องก่อนปฏิบัติการทางทหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนเหนือและตอนใต้ที่มีประชากรอยู่หนาแน่น เพื่อลดผลกระทบจากการต่อสู้และการโจมตี อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 18,205 ราย และได้รับบาดเจ็บประมาณ 50,000 ราย มีผู้พลัดถิ่นประมาณ 1.9 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 85 ของประชากรในฉนวนกาซา
ความพยายามของนานาชาติในการออกถ้อยแถลงร่วมเพื่อให้มีการยุดยิงในพื้นที่ยังไม่สำเร็จ ล่าสุดสหรัฐอเมริกาใช้สิทธิวีโตมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เพื่อแสดงการสนับสนุนอิสราเอลอย่างไม่มีข้อแม้ อย่างไรก็ตาม คณะสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) เตรียมออกมติเรียกร้องให้การหยุดยิงอีกครั้งใน 12 ธันวาคม 2566 แม้จะไม่มีผลทางกฎหมาย แต่จะเพิ่มแรงกดดันทางการเมืองให้เกิดการยุติการสู้รบเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม คาดว่าการลงมติครั้งนี้จะได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงและขยายตัวมากกว่าเมื่อ ตุลาคม 2566 ซึ่งครั้งนั้น ไทยลงมติสนับสนุนการเรียกร้องให้มีการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม
การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในฉนวนกาซามีความต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณพรมแดนอียิปต์ แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ส่วนมากเป็นพลังงาน ปัจจุบันอิสราเอลประกาศใช้มาตรการคัดกรองความช่วยเหลือที่เข้าไปยังพื้นที่ฉนวนกาซาผ่านช่องทาง Kerem Shalom หรือจุดผ่านแดนทางตอนใต้ของฉนวนกาซาที่เชื่อมกับอิสราเอล ทำให้หลายฝ่ายวิตกว่ากระบวนการคัดกรองจะเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งความช่วยเหลือ
ยังไม่มีสัญญาณจากกลุ่มฮะมาสเกี่ยวกับการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนตัวประกันกับการหยุดยิงชั่วคราวรอบใหม่ โดยสมาชิกของกลุ่มฮะมาสยื่นเงื่อนไขว่าอิสราเอลต้องหยุดปฏิบัติการก่อน จึงจะมีการเจรจา ขณะที่ปัจจุบันมีรายงานการปะทะระหว่างหน่วยความมั่นคงอิสราเอลกับผู้ประท้วงในเขตเวสต์แบงก์อย่างต่อเนื่อง เพราะแสดงถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา