ก่อนที่จะมาดูกันว่า ในตอนนี้ชาวอเมริกันคิดอย่างไรกับสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาส อาจต้องขอเล่าสถานการณ์ว่าตอนนี้ว่าไปถึงไหน สรุปก็คือว่า ยังไม่จบ โดยอิสราเอลยังโจมตีฉนวนกาซาเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮะมาส ตัวประกันที่เหลืออีกกว่า 100 คน ยังไม่มีการปล่อยตัว การหยุดยิงชั่วคราวอีกครั้งจากครั้งแรกเมื่อ 24 พ.ย.66 ก็ดูจะลางเลือน และการประชุมวาระฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อ 8 ธ.ค.66 ล้มเหลวในการออกข้อมติให้หยุดยิงในฉนวนกาซาเพราะสหรัฐฯ ใช้สิทธิยับยั้ง (Veto) นอกจากนี้ อิสราเอลยืนกรานว่าจะกวาดล้างกลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซาให้ได้ และมีรายงานว่าอิสราเอลจะเริ่มจะสูบน้ำเข้าไปในอุโมงค์ในฉนวนการซาที่ปาเลนไตน์ขุดไว้
ชาวอเมริกันล่ะ…คิดอย่างไรกับสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮะมาส เท่าที่ค้นได้จากสื่อออนไลน์ พบว่า Gallup ได้ทำการสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันไว้ในช่วง 20 วันแรกของ พ.ย.66 และเผยแพร่ผลการสำรวจเมื่อ 8 ธ.ค.66 สรุปว่า ชาวอเมริกัน ร้อยละ 50 สนับสนุนอิสราเอล และส่วนใหญ่เป็นคนที่นิยมพรรครีพับลิกัน และเป็นผู้ชาย ส่วนอีกร้อยละ 45 ไม่สนับสนุน อีกผลการสำรวจคือของ Pew Research Center ที่สำรวจความเห็นในช่วงปลาย พ.ย.-ต้น ธ.ค.66 พบว่า ร้อยละ 53 ของชาวอเมริกันที่นิยมพรรคเดโมแครตกังวลอย่างมากว่าจะมีการก่อความรุนแรงต่อชาวมุสลิมในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น ขณะที่ชาวอเมริกันที่นิยมพรรครีพับลิกัน อยู่ที่ร้อยละ 22
ชาวอเมริกันยังมีความเห็นไม่ค่อยดีนัก เกี่ยวกับการบริหารจัดการของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนกรณีสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮะมาส ผลการสำรวจของ Pew Research Center ข้างต้น พบว่ามีเพียงร้อยละ 35 ของคนวัยหนุ่มสาวที่เห็นว่า รัฐบาลไบเดนสามารถบริหารจัดการสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาสได้ ขณะที่ร้อยละ 41 เห็นว่าไม่สามารถจัดการได้ แต่อย่างไรก็ดีประธานาธิบดีไบเดนน่าจะพอเบาใจ เพราะร้อยละ 44 ของคนที่นิยมพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีไบเดน มีมุมมองที่ดีต่อจัดการบริหารสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮะมาส ขณะที่ร้อยละ 22 ยังมุมมองเชิงลบ
อย่างไรก็ตาม การยอมรับในการบริหารประเทศโดยรวมของชาวอเมริกันต่อประธานานาธิบดีไบเดนที่ผลการสำรวจเผยแพร่ออกมาในช่วงนี้ เช่น ของ WSJ และ Reuter ชี้ให้เห็นถึงความนิยมของชาวอเมริกันต่อประธานาธิบดีไบเดนอยู่ในระดับต่ำมาก แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็วิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ความนิยมที่ลดต่ำลงมากนั้น เป็นเพราะประเด็นเศรษฐกิจที่ชาวอเมริกันกำลังเผชิญ มากกว่าเรื่องการจัดการปัญหาอิสราเอล