พูดถึง K-POP ต้องบอกว่าเขาดังระดับโลก ศิลปินของเขาไปมาแล้วทั่ว ไม่ว่าจะเป็นสหประชาชาติ หรือทำเนียบขาวต่างก็ให้การต้อนรับด้วยความเกรงใจ วัยรุ่นฝรั่งเดี๋ยวนี้ก็พากันติดงอมแงมจนร้านแบรนด์สินค้า K-POP ในอเมริกาขายดิบขายดี แม้แต่ศิลปินฝรั่งดังๆ จะเปิดตัวพรีเมี่ยมทั้งที แค่ฮอลลีวู้ดไม่พอแล้วต้องมาที่ญี่ปุ่น เกาหลีด้วยเพราะอำนาจซื้อมันอยู่แถวตะวันออกเรานี่เอง
โดยเฉพาะบรรดาแฟนคลับจีนนั้นจ่ายหนักมากแต่ก็มักบ่นว่าถูกกีดกันในการไปเชียร์ศิลปินคนโปรดทั้งในจีนเองและในต่างประเทศ ในที่สุดผู้จัดอีเว้นท์ต่างลงความเห็นว่าประเทศไทยนี่เหมาะสมที่สุดในการจัดอีเว้นท์เพราะนอกจากไม่มีกฎระเบียบอะไรที่จุกจิกแล้ว ยังมีสภาพแวดล้อมที่สะดวกทั้งผู้จัดและผู้ชม นี่จึงเป็นโอกาสของเรา
ว่ากันว่าแฟนคลับจีนหรือที่เรียกติดปากว่าติ่งจีนนั้น มีเอกลักษณ์อยู่ 2 อย่าง คือ ความบ้าคลั่งกับจำนวนเงินที่มหาศาล เวลาติ่งจีนมาเชียร์ศิลปินเล่นคอนเสริต์ที่เมืองไทยมักจะสั่งทำช่อดอกไม้เงินพับด้วยเงินสดราคาเป็นล้านๆ มอบให้กับศิลปิน บางรายให้คนเดียว 5 ล้านบาทก็มีเล่นเอาแฟนคลับไทยดูเจื่อนๆ ไปเพราะกว่าจะรวบรวมเงินให้ศิลปินที่รักได้ก็แค่เรือนหมื่นเรือนแสนแม้ว่าหลังๆ มาเขารณรงค์ว่าอย่าพับเงินทำช่อดอกไม้เพราะเงินมันจะเสียหาย แต่ทำไงได้มันเป็นค่านิยมของคนให้ เชื่อหรือไม่ว่าญาติของศิลปินที่มาช่วยกันแกะเงินที่พับบอกว่ามีเงินเสียหายจากการถูกกาวร้อนติดถึง 3 แสนบาท จาก 5 ล้านบาท
จะว่าไปแม่ยกลูกทุ่งไทยก็ทำเหมือนกัน เคยเห็นให้พวงมาลัยนักร้องทีเป็นแสนๆ แต่นั่นมันคนอายุเลยวัยทำงานแล้ว มีเงินเหลือใช้เหลือเก็บ แต่สำหรับแม่ยกจีนที่กำลังพูดถึงนี่จะรุ่นเด็กๆ เลยเรียกว่าพ่อรวยแม่รวย การศึกษาดี ภาษาอังกฤษเปรี้ยะ มีเงินพร้อมทุ่ม แต่พวกนี้จะปากแจ๋ว ดื้อแบบไม่ฟังใคร เวลาทะเลาะกับติ่งไทยจะใช้ภาษาอังกฤษเถียงกัน
ความชอบกับความนิยมหลงใหลของคนมันบอกกันไม่ได้แต่มันวัดได้โดยเฉพาะสมัยนี้ ธุรกิจที่ทำเงินได้มหาศาลก็เพราะวัดความนิยมของคนได้นี่เอง อย่างติ่งจีนเวลาเขาชอบอะไรที่เป็นความบันเทิงก็จะทุ่มสุดตัวจ่ายได้เท่าไรเท่ากัน แล้วคนจีนมีพันกว่าล้าน ลองนึกดูว่าหากมีติ่งแค่ 0.1 เปอร์เซนต์จะคิดเป็นรายได้เท่าไร อย่างหนัง Y ละครดังๆ ในจีน เขาปล่อยออกอากาศให้ดูฟรี ๕ ตอนแรก พอคนติดแล้วก็แค่ปล่อยให้ช้าๆ ลง เช่นวันละตอนแค่นี้คนที่รอไม่ไหวก็ต้องควักเงินซื้อ แล้วดาราจีนสมัยนี้ไม่เพียงแค่นิยมในระดับท้องถิ่น เขาไปนั่งแถวหน้าระดับโลกกันเยอะแล้ว แม้แต่สินค้าฝรั่งถ้าไม่อยากเอาแต่หน้าแต่อยากได้เงินด้วยก็ต้องจ้างดาราจีนไปเป็นพรีเซนเตอร์ถึงจะขายดิบขายดี
นี่ถ้ารัฐบาลจีนไม่เบรคความร้อนแรงของวงการบันเทิงจีนไว้ป่านนี้ K-POP อาจดังไม่สู้ C-POP นะ ดูอย่างแจ็คสัน หวัง สิ เมื่อเร็วๆ นี้คอนเสริต์กำลังจะเล่นอยู่แล้ว จู่ๆ ก็บอกว่าศิลปินป่วยต้องขอเลื่อนซะงั้น อารมณ์ กับความคลั่งไคล้ใหลหลงของคนนั้นมีมากมายพอๆ กันแต่นำมาซึ่งความสุขที่ไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับอำนาจการจ่ายของแต่ละคน ใครที่แก้สมการนี้ได้ก็จะรวย
ความนิยมของคนต่อศิลปินมักวัดกันด้วย AI จะเห็นว่าบริษัทดังๆ ที่อยู่เบื้องหลังศิลปินล้วนแต่ใช้ AI เก็บข้อมูลจากการแสดงออกทางโซเชียลมิเดียของประชาชนแต่ละคน ขอย้ำคำว่า “แต่ละคน” แปลว่าการเก็บข้อมูลประชาชนนั้นมีความละเอียดมากในระดับปัจเจกจึงเชื่อถือได้เมื่อข้อมูลถูกนำมาประมวลผล แต่อย่างไรก็ตาม AI ก็คือปัญญาประดิษฐ์ มันคือสิ่งที่คนสร้างขึ้นมา ไม่ได้มีชีวิตจิตใจ ไม่สามารถมีจิตวิญญานของความรู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกับปัญญาของคนที่มีจริยธรรมและศีลธรรม
ดังนั้นความสามารถของปัญญาประดิษฐ์จึงขึ้นอยู่กับคนที่สร้างมันขึ้นมา หากคนสร้างสร้างมันด้วยข้อมูลที่มีอคติมันก็จะมีอคติไปด้วยเช่นการใช้ถ้อยคำที่เหยียดเพศเหยียดเชื้อชาติ แม้ว่าจะมีการวิพากษ์ว่าการสร้าง AI ที่ไม่มีอคติก็ทำได้และอาจเป็นกลางกว่าจิตมนุษย์ อันนี้ก็ต้องถามว่ามันเกิดขึ้นได้จริงหรือ อย่างกรณีทวิตเตอร์ที่เปลี่ยนมาเป็น X ก็ถูกคนวิจารณ์มากว่าสิ่งดีๆ ที่เคยดูเคยเห็นนั้นหายไปมาก อันนี้ไม่ใช่เพราะ AI ไม่เป็นกลางเพราะคนสร้างได้สร้างอย่างเป็นกลางแล้ว แต่ถ้าเจ้าของผู้ให้เงินจ้างเขาผลิตจะเอาแบบนี้แล้วใครหรือจะกล้าขัด เพราะการลงทุนใดๆ ย่อมมีจุดมุ่งหมายเสมอ นั่นคือประการหนึ่ง
ถัดมา AI นั้นเก็บข้อมูลที่ประชาชนแต่ละคนแสดงออกทางสื่อสังคม ไม่ว่าเป็นการกดไลท์ กดแชร์ คอมเม้นท์ อ่านนาน อ่านแป้บเดียว อ่านจนจบ หรือแม้แต่คำพูดที่เราพูดกันเองส่วนตัวแต่มีโทรศัพท์ที่ไมค์โครโฟนเปิดไว้มันก็จะจดจำได้ว่าเราวิจารณ์ใคร หรืออะไรว่าอย่างไร อันนี้มันวิจิตรพิสดารมาก หลายคนไม่คิดแต่ขอให้ดูว่า Chat GPT ที่พัฒนาโดย OpenAI ทำงานอย่างไร มันโต้ตอบ มันคุยกับเราได้ หรือเคยสังเกตบ้างไหม แค่เราพูดคุยกันว่าวันนี้อยากทานอะไร สักพักในมือถือก็จะป้อปอัพร้านอาหารมาให้เลือกทันที อันนี้มันคือความสะดวกสบายที่แลกมาด้วยการถูกละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างเนียนๆ ซึ่งไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ยินยอมหรือไม่ ตราบใดที่คุณยังเป็นมนุษย์คุณไม่มีทางปฏิเสธมันได้
เมื่อสามารถล่วงรู้ได้ถึงความคิดและความรู้สึกของสังคมต่อไปก็คือการชี้นำให้ความรู้สึกนั้นเป็นไปตามทิศทางที่ต้องการ ซึ่งทำได้ง่ายโดยการป้อนข้อมูลชี้นำหรือโน้มน้าวกลับตรงไปยังสังคมแบบรายบุุคคล นักการเมืองที่ใช้ AI เก่งๆ สามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีหรือแก้ไขภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของตัวเองได้เพียงชั่วข้ามคืนขณะเดียวกันนักการเมืองที่ชอบสาดโคลนก็สามารถทำลายคู่แข่งได้ด้วยวิธีเดียวกัน ถ้ามองง่ายๆ สำหรับคนที่คิดจะผลิตเนื้อหาที่ไม่ดีเข้าสู่สังคม เขาจะมีโซเชียลมิเดียซึ่งก็คือแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นเครื่องมือขั้นต้น ขั้นต่อไปก็มี AI เป็นเหมือนตู้ลำโพงช่วยขยายระยะทางให้เนื้อหานั้นๆ ส่งออกไปได้ไกลและกว้างยิ่งขึ้น
AI โดยตัวเองมีทั้งประโยชน์และโทษ ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ แต่ยังไม่มีผลวิจัยว่าระหว่างคนดีที่ใช้ประโยชน์กับคนไม่ดีที่มาใช้ประโยชน์นั้นเมื่อหักลบกันแล้วควรระมัดระวังการใช้ AI อย่างซีเรียสมากน้อยเพียงใด ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า AI นี้ จึงไม่ใช่เพียงแค่การให้ความรู้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับสังคม แต่นอกจากการ “ให้” ยังมีการ “เอาไป” ด้วย นั่นคือความสามารถในการควบคุมทิศทางความเห็น ความรู้สึก อารมณ์ และทัศนคติของสังคม ซึ่งจีนทำแล้วและได้ทำต่อเนื่องแล้วคอยดูกันว่าภายในปี 2573 จีนจะเป็นจ้าวโลกด้าน AI จริงหรือไม่
Credit : TB-Talk Facebook