สำนักข่าว Channel News Asia รายงานเมื่อ 10 ก.พ.67 ว่า คณะผู้พิพากษาศาลสูงมาเลเซีย มีมติ 8 ต่อ 1 เสียง ตัดสินให้กฎหมายชารีอะฮ์ที่บังคับใช้ในรัฐกลันตัน 16 มาตรา อาทิ การประพฤติผิดเพศเดียวกัน การประพฤติผิดในหมู่เครือญาติ การพนัน การล่วงละเมิดทางเพศ การลบหลู่ศาสนสถาน ให้ถือเป็นโมฆะ เพราะทับซ้อนกับเขตอำนาจของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ครอบคลุมประเด็นดังกล่าวอยู่แล้ว
ด้านนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ยืนยันว่า คำตัดสินของศาลไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นการพิจารณาขอบเขตการใช้อำนาจของรัฐบาลรัฐกลันตันในการบัญญัติกฎหมาย ทั้งยังเรียกร้องให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคปาสซึ่งมีอิทธิพลในรัฐกลันตัน อย่าใช้ประเด็นดังกล่าวเป็นเครื่องมือลดทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หรือชี้นำให้ประชาชนเชื่อว่ารัฐบาลต่อต้านกฎหมายชารีอะฮ์
ทั้งนี้นายฮัมซา ไซนูดิน เลขาธิการกลุ่มพันธมิตรแห่งชาติ (Perikatan Nasional-PN/กลุ่มพรรคฝ่ายค้าน) โจมตีคำตัดสินของศาลว่าทำร้ายความรู้สึกของชาวมาเลย์มุสลิม และเป็นความท้าทายต่อทุกรัฐในการออกกฎหมายชารีอะฮ์เพื่อปกป้องศาสนาอิสลาม