กรณีผู้นำอิสราเอลอนุมัติและยืนยันแผนการส่งกองทัพเข้าไปบุกโจมตีพื้นที่ Rafah ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ทำให้นานาชาติวิตกว่าจะทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นที่อยู่ของผู้อพยพชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก ที่ยังรอความช่วยเหลือ โดยสื่อต่างประเทศนำเสนอมุมมองของนักวิชาการและสถาบัน Think Tank ที่ประเมินว่าการบุกโจมตีนี้จะทบั่นทอนความน่าเชื่อถือและบทบาทของอิสราเอลในประชาคมระหว่างประเทศ ด้าน นรม.เบนจามิน เนทันยาฮู ยืนยันเมื่อ 19 มี.ค.67 ว่าอิสราเอลจำเป็นต้องปฏิบัติการ แม้สหรัฐฯ และนานาชาติจะไม่เห็นด้วย เพื่อทำลายฐานที่มั่นและกำลังของกลุ่มฮะมาสที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว
ปัจจุบันมีชาวปาเลสไตน์ที่เสียชีวิตจากความขัดแย้งครั้งนี้จำนวนมากกว่า 31,800 คน
มีรายงานเมื่อ 20 มี.ค.67 ว่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับอิสราเอล พยายามเจรจาและเสนอทางเลือกให้อิสราเอลพิจารณาแทนการบุกโจมตีพื้นที่ Rafah โดยตรง เช่น ให้ชะลอการส่งกองกำลังทหารเข้าไป และให้เปิดพื้นที่รับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมก่อน เพื่อฟื้นฟูวิกฤตในพื้นที่ นอกจากนี้ ให้อิสราเอลเน้นการป้องกันพรมแดนบริเวณเมือง Rafah กับอียิปต์ เนื่องจากมีอุโมงค์ของกลุ่มฮะมาสอยู่บริเวณดังกล่าว ซึ่งอิสราเอลควรป้องกันและสกัดกั้นไม่ให้มีการลำเลียงอาวุธผ่านช่องทางนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ยังพยายามหารือกับผู้แทนของอิสราเอลโดยตรง เพื่อโน้มน้าวให้เปลี่ยนแนวทางการปฏิบัติการเอาชนะกลุ่มฮะมาส โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จะพบและพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่น ๆ จากอิสราเอล ที่วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะเยือนซาอุดอาระเบียลียิปต์ในสัปดาห์นี้ เพื่อพูดคุยเรื่องความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งสถานการณ์ในฉนวนกาซา
นานาชาติห่วงกังวลเรื่องปัญหาขาดแคลนอาหารและบริการด้านสาธารณสุขในฉนวนกาซา ซึ่งเข้าขั้นวิกฤต เนื่องจากความรุนแรงที่ยืดเยื้อ อย่างไรก็ตาม กาตาร์ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานการเจรจาระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮะมาสมีท่าทีเชิงบวกต่อพัฒนาการการพูดคุยเพื่อให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว เนื่องจากอิสราเอลส่งผู้แทนมาเข้าร่วมการพูดคุยครั้งล่าสุดแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการกำหนดข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนตัวประกัน นักโทษ และมอบความช่วยเหลือแก่ชาวปาเลสไตน์