ผู้นำต่างประเทศเมื่อ 26 มีนาคม 2567 สนับสนุนมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่ผ่านความเห็นชอบของสมาชิกเป็นครั้งแรก และมีสาระสำคัญ คือ เรียกร้องให้ให้มีการหยุดยิงทันทีในฉนวนกาซา ช่วงที่เป็นเดือนรอมฎอน ให้ยุติความรุนแรง เปิดทางให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม รวมทั้งปล่อยตัวประกันทั้งหมด โดยเลขาธิการสหประชาชาติเน้นให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามมติดังกล่าวโดยเร็วและจริงจัง
สำหรับมติดังกล่าว มี 14 ประเทศสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสนับสนุน ส่วนสหรัฐอเมริกางดออกเสียง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดบางส่วน เช่น ไม่มีการประณามกลุ่มฮะมาส และไม่มีการระบุให้กลุ่มฮะมาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดตามช่องทางการทูต นอกจากนี้ ผู้แทนสหรัฐฯ ระบุว่ามติดังกล่าวไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากความเห็นของสมาชิก UNSC อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า มติดังกล่าวถือว่าเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่สมาชิกต้องปฏิบัติตาม
แม้สหรัฐอเมริกาจะงดออกเสียงในการลงมติครั้งนี้ โดยยืนยันว่าไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายอื่น ๆ ต่ออิสราเอลและสถานการณ์ในฉนวนกาซา แต่อิสราเอลไม่พอใจ โดยสั่งยกเลิกการเดินทางไปสหรัฐฯ ของคณะผู้แทนระดับสูงทันที เนื่องจากผิดหวังที่สหรัฐฯ เปลี่ยนท่าทีไปและการงดออกเสียงครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความพยายามและความมุ่งมั่นของอิสราเอลที่จะช่วยเหลือตัวประกันจากกลุ่มฮะมาส
ปัจจุบันนักวิเคราะห์บางส่วนประเมินว่าสหรัฐฯ กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมากในการจัดการกับอิสราเอล เนื่องจากผู้นำอิสราเอลมีท่าทีแข็งกร้าวและไม่เปลี่ยนแนวทางปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ แม้ว่าจะถูกวิจารณ์ว่าส่งผลกระทบต่อพลเรือน โดยเฉพาะปฏิบัติการในเมือง Rafah ที่สหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยเพราะเป็นพื้นที่ที่มีพลเรือนจำนวนมาก สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาปัจจุบันอยู่ที่มากกว่า 32,000 คน
มติหยุดยิงของ UNSC ยังไม่สามารถทำให้สถานการณ์การสู้รบและปฏิบัติการทหารในฉนวนกาซายุติได้ทันที โดยยังมีรายงานการโจมตีในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีทางอากาศในตอนกลางของฉนวนกาซา แนวโน้มการเจรจาระหว่างกลุ่มฮะมาสและอิสราเอลยังไม่มีข้อตกลงร่วมกัน กลุ่มฮะมาสยืนยันให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการโจมตีและถอนทหารออกจากพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยตัวประกัน