เหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งบุกเข้าไปกราดยิงประชาชนที่กำลังเตรียมตัวชมคอนเสิร์ต ที่ Crocus City Hall ชานเมืองทางเหนือของกรุงมอสโก เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา นับเป็นเหตุก่อการร้ายในรัสเซียที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบ 20 ปี ความโหดร้ายป่าเถื่อนของคนร้ายกลุ่มนี้ไม่มีใครยอมรับได้ ทุกฝ่ายต่างออกมาประณามและเรียกร้องให้นำตัวคนร้ายไปสำเร็จโทษให้สาสมกับความผิดที่ก่อ
หลังจากเกิดเหตุไม่นานกลุ่ม Islamic State สาขา Khorasan หรือ IS-K ในอัฟกานิสถานได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ ในขณะที่ประธานาธิบดีวลาดีเมียร์ ปูติน ของรัสเซียได้ออกมาแถลงว่ามีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 133 คนและบาดเจ็บอีกเป็นร้อยคน โดยบอกว่าจับคนร้ายได้ 11 คน ในจำนวนนี้รวมถึงมือปืน 4 คนขณะที่กำลังหลบหนีไปทางชายแดนยูเครนซึ่งมีการเตรียมการข้ามพรมแดนไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แม้จะไม่ระบุอย่างชัดเจนแต่การพูดของปูตินเหมือนกับจะกล่าวหาว่ายูเครนมีส่วนรู้เหตุการก่อการร้ายครั้งนี้ ดังนั้นในอีก 2 วันถัดมาจึงมีปฏิบัติการถล่มกรุงเคียฟด้วยขีปนาวุธจากรัสเซีย แบบพอหอมปากหอมคอก่อนเนื่องจากยังไม่มีหลักฐานปรักปรำยูเครนในเรื่องนี้
การสอบสวนมือปืนที่ก่อเหตุยังดำเนินต่อไปและเชื่อว่าอีกไม่นานความจริงต้องปรากฏว่าการก่อการร้ายครั้งนี้ กระทำโดยกลุ่มก่อการร้าย IS-K แต่มีความเชื่อมโยงไปที่ยูเครนหรือไม่? อย่างไร? การออกมายอมรับเป็นผู้ก่อเหตุของกลุ่ม IS-K นั้นเชื่อถือได้เพราะมีการเปิดเผยวีดีโอที่คนร้ายบันทึกภาพขณะกราดยิงเหยื่อด้วยซึ่งจะมีแต่คนร้ายเท่านั้นที่สามารถบันทึกภาพในมุมเหล่านี้ได้
มาดูกันต่อไปว่า IS-K เป็นใคร? พอเอ่ยชื่อกลุ่ม IS หลายคนคงนึกถึงภาพจำสุดสยองเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่กลุ่มนักรบอิสลามนอกรีตบั่นคอเชลยชาวตะวันตกอย่างโหดร้ายทารุณ ทั้งนี้ IS คือกลุ่มที่ต้องการสถาปนารัฐอิสลามแบบดั้งเดิมขึ้นมาปกครองด้วยกฎหมายอิสลามที่มีการตีความอย่างสุดโต่ง ซึ่งในปี 2557 ที่กลุ่ม IS ยังเคลื่อนไหวในพื้นที่อิรัก ซีเรีย ก็มีแกนนำของกลุ่มอัลไคด้าและตอลิบันส่วนหนึ่งแยกตัวออกไปตั้งสาขาของ IS ในพื้นที่ Khorasan ขึ้นในอัฟกานิสถานและปากีสถาน เรียกว่า IS-K จริงๆ แล้ว IS-K มาจากหลายเชื้อชาติหลายกลุ่มเพราะตามประวัติศาสตร์ของแคว้น Khorasan นั้นครอบคลุมพื้นที่อัฟกานิสถาน อิหร่าน เอเชียกลางบางส่วน
แต่ตอนนี้ IS-K คือแหล่งรวมตัวของกลุ่มก่อการร้ายหลากหลายที่ล้วนแต่มีความโกรธแค้นกลุ่มที่เป็นอำนาจหลักจึงไม่แปลกที่ IS-K จะเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ใช้ความรุนแรงมากกว่ากลุ่ม IS หลักและมีการเคลื่อนไหวอย่างไร้ทิศทาง ต่อมาพอกลุ่ม IS หลักถุกขับไล่ออกจากอัฟกานิสถานกลุ่ม IS-K ก็ผันตัวเองไปสู่การสู้รบแบบกองโจรเป็นกลุ่มก่อการร้ายหัวรุนแรงที่พร้อมจะก่อเหตุต่อเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้ทั้งสหรัฐ รัสเซีย อิหร่าน ปากีสถาน รวมทั้งตอลิบันในอัฟกานิสถาน
ทำไมกลุ่ม IS-K โจมตีงานแสดงคอนเสิร์ตในมอสโก? ที่จริงแล้วกลุ่ม IS-K ได้กำหนดให้รัสเซียเป็นเป้าหมายโจมตีในลำดับต้นๆ ใกล้เคียงกับสหรัฐอยู่แล้วเนื่องจากรัสเซียสนับสนุนประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดของซีเรียในการทำสงครามกลางเมืองกับกลุ่ม IS อีกทั้งรัสเซียยังปราบปรามกลุ่มกบฏเชชเนีย กับสนับสนุนประเทศในแอฟริกาในการปราบปรามกลุ่ม IS นอกจากนั้นรัสเซียยังสนับสนุนรัฐบาลตอลิบันของอัฟกานิสถานด้วยการคงสถานทูตรัสเซียไว้ในกรุงคาบูลซึ่งกลุ่ม IS-K ไม่พอใจจึงมีการใช้ระเบิดพลีชีพที่สถานทูตรัสเซียในกรุงคาบูลเมื่อกันยายน 2565 เป็นเหตุให้มีนักการทูตรัสเซียเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
การสูญเสียภาพลักษณ์ที่เคยเข้มแข็งดุดันทำให้การสนับสนุนทางการเงินของ IS จากแหล่งต่างๆ ลดลงไป ดังนั้นหากมีการก่อเหตุใหญ่ๆ ได้สำเร็จก็จะช่วยกอบกู้ภาพลักษณ์เดิมกลับมาได้ จะเห็นว่าการที่ IS สูญเสียพื้นที่ยึดครองในอัฟกานิสถาน ซีเรีย และอิรักสะท้อนความอ่อนแอลงของกลุ่มเป็นผลให้การสนับสนุนทางการเงินลดลงไปด้วย ดังนั้นการก่อเหตุใหญ่ๆ อย่างการโจมตีการแสดงคอนเสิร์ตอย่างที่เกิดขึ้นนอกจากจะนำมาซึ่งการปลุกขวัญกำลังใจของนักรบแล้วยังสามารถใช้เป็นประเด็นในการชักชวนนักรบรุ่นใหม่ๆ ให้มาเข้าร่วมขบวนการ
กลุ่ม IS-K กับกลุ่มญิฮาดอื่นๆ อย่างอัลไคด้า หรือตอลิบัน ต่างก็มุ่งสู่เป้าหมายในการกลับไปสู่แนวทางอิสลามแบบดั้งเดิมเพียงแต่แต่ละกลุ่มมีการตีความการปฏิบัติและการประนีประนอมที่แตกต่างกัน บางครั้งก็แข่งขันกันเอง บางครั้งก็ไปด้วยกันได้ แต่กลุ่มเหล่านี้มีเครือข่ายชาวมุสลิมท้องถิ่นที่มีความเปราะบางสูง ในการดำเนินการเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวข้องจึงต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง
อาจเทียบเคียงได้กับในห้วงสงครามเย็นที่อดีตโซเวียตบุกอัฟกานิสถานและคงกำลังทหารไว้นาน 10 ปี ระหว่าง 2522-2532 ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องถูกต่อต้านโดยสหรัฐ ซึ่งวิธีการของสหรัฐคือการตีสนิทและสนับสนุนกลุ่มนักรบมูจาฮิดีนในอัฟกานิสถานในการสร้างเครือข่ายชาวมุสลิมที่มีประสิทธิภาพจากทั่วโลกมาต่อสู้กับโซเวียตโดยระดมทุนจากมหาเศรษฐีซาอุดีอาระเบียที่มีโอซามะ บินลาเดน เป็นแกนนำ จนกระทั่งโซเวียตพ่ายแพ้และต้องถอนทหารออกไป แต่สิ่งที่เหลืออยู่แทนที่จะเป็นความยินดีที่มีชัยชนะต่อศัตรู กลับกลายเป็น “ความผิดหวัง” “ความโกรธแค้น”ที่มีต่อสหรัฐ ของเครือข่ายนักรบมูจาฮิดีนที่ยังหลงเหลืออยู่และกลายเป็นเครือข่ายที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่อการร้ายทั่วโลกต่อเป้าหมายสหรัฐและพันธมิตรตะวันตกในห้วงต่อมา ตั้งแต่เหตุระเบิดสถานทูตสหรัฐ ปี 2531 เหตุการณ์ 911 ในสหรัฐ ไปจนถึงเหตุระเบิดที่บาหลีเมื่อปี 2545 ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเหตุที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
สำหรับประเทศไทย เคยเป็นพื้นที่เคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายก่อนไปโจมตีเป้าหมายนักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่บาหลี ซึ่งแม้ว่าฝ่ายความมั่นคงจะตรวจพบเครือข่ายโยงใยของกลุ่มก่อการร้ายเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มก่อการร้ายระดับโลกกับระดับท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ก็ไม่สามารถระงับยับยั้งการสูญเสียได้ทุกครั้งที่มีการลงมือ ดังนั้นสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังก็คือกลุ่มสาขาหรือเครือข่ายท้องถิ่นเหล่านี้ อย่างเช่น กลุ่ม IS มีเครือข่ายในอัฟกานิสถานคือ IS-K แต่ก็มีเครือข่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยเช่นกันคือ ISEAP ในฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นกลุ่มที่ฝ่ายความมั่นคงจะต้องร่วมมือกันเฝ้าดูการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดต่อไป
Credit : TB-TALK facebook