อิสราเอลเปลี่ยนท่าทีต่อสหรัฐฯ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ โดยมีรายงานเมื่อ 27 มีนาคม 2567 ว่าอิสราเอลจะส่งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นผู้แทนไปเยือนสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเรื่องปฏิบัติการทหารในฉนวนกาซา โดยเฉพาะปฏิบัติการในเมือง Rafah คาดว่า สหรัฐฯ จะเสนอแนวทางใหม่ในการปฏิบัติการด้านความมั่นคงในเมืองดังกล่าว เน้นหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อพลเรือนและผู้อพยพจำนวนมากที่อยู่ในเมือง Rafah ก่อนหน้านี้ อิสราเอลยกเลิกการเยือนดังกล่าว เนื่องจากไม่พอใจที่สหรัฐฯ ไม่ออกเสียงลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ที่เรียกร้องให้หยุดยิงในฉนวนกาซาทันที เพราะท่าทีของสหรัฐฯ ทำให้มติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของสมาชิกที่เหลือ ซึ่งอิสราเอลเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงของอิสราเอล และทำให้กลุ่มฮะมาสมีอำนาจต่อรองมากขึ้น
การเปลี่ยนท่าทีของอิสราเอลสะท้อนว่ายังให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ซึ่งแม้จะปรับท่าทีต่อการทำสงครามครั้งนี้เพื่อลดแรงกดดันจากนานาชาติ แต่ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็สนับสนุนอิสราเอลมาโดยตลอด ทั้งด้านความมั่นคงและการปกป้องนโยบายของอิสราเอลในเวทีระหว่างประเทศ
อิสราเอลน่าจะใช้การเจรจาครั้งนี้โน้มน้าวให้สหรัฐฯ เชื่อมั่นว่าปฏิบัติการโจมตีเมือง Rafah เป็นสิ่งจำเป็น และจะให้ความสำคัญกับการป้องกันผลกระทบต่อพลเรือน ด้านทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าการรื้อฟื้นการพูดคุยน่าจะเป็นผลดีต่อสถานการณ์ความมั่นคงในฉนวนกาซา สำหรับสื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะเสนอ “ทางเลือก” ให้อิสราเอลในการปราบปรามกลุ่มฮะมาส เช่น หลีกเลี่ยงการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดิน และ
สถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังตึงเครียด อิสราเอลใช้กำลังพลปฏิบัติการภาคพื้นดินในทางตอนเหนือของฉนวนกาซา รวมทั้งเมือง Rafah ล่าสุด ผู้นำอิสราเอลประกาศว่าสามารถสังหารสมาชิกกลุ่มฮะมาสระดับสูงได้จำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีระหว่างกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในเลบานอนกับอิสราเอล โดยกลุ่มฮิซบุลลอฮ์โจมตีทางตอนเหนือของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธและจรวด ด้านอิสราเอลตอบโต้จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนในพื้นที่ตอนใต้ของเลบานอน