กองทัพอิสราเอลเมื่อ 23 พ.ค.67 ยกระดับการโจมตีในฉนวนกาซา ทั้งการใช้กำลังภาคพื้นดินและการโจมตีทางอากาศในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ และโจมตีเมื่อ Jabalia ทางตอนเหนือ โดยคาดว่าอิสราเอลจะเร่งเอาชนะในเมืองราฟาห์ เพื่อปราบปรามกองกำลังของกลุ่มฮะมาสที่เชื่อว่าซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และเมืองราฟาห์เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มฮะมาสด้วย ปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงเพิ่มเป็น 35,700 คน
อิสราเอลยืนยันความชอบธรรมในการบุกโจมตีราฟาห์ โดยย้ำว่าได้ประกาศแจ้งเตือนพลเรือนชาวปาเลสไตน์ให้ออกจากพื้นที่ก่อนเริ่มปฏิบัติการแล้ว แต่ไม่เป็นผล เพราะมีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจำนวนมาก และจากการโจมตีก็ได้หลักฐานว่ากลุ่มฮะมาสใช้เส้นทางใต้ดิน หรือ Philadelphi Route ในพื้นที่ดังกล่าวขนส่งอาวุธและกองกำลัง อิสราเอลจึงจำเป็นต้องทำลาย ขณะเดียวกัน การโจมตีเมืองราฟาห์ทำให้อิสราเอลเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติมากขึ้น เพราะอาจทำให้เกิดวิกฤตผู้พลัดถิ่นระยะยาว ประกอบกับการที่อิสราเอลควบคุมพื้นที่พรมแดนระหว่างเมืองราฟาห์กับอียิปต์ ทำให้องค์กรต่าง ๆ ไม่สามารถส่งความช่วยเหลือเข้าไปที่ฉนวนกาซาได้ นอกจากนี้ ปฏิบัติการในเมืองราฟาห์ยังขัดขวางการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮะมาส ซึ่งทำให้การปล่อยตัวประกันไม่มีความคืบหน้าด้วย
สถานการณ์ในเมืองราฟาห์กลายเป็นจุดสนใจสำคัญของทั่วโลก เนื่องจากเชื่อว่าเป็นสมรภูมิสุดท้ายที่อิสราเอลต้องการเอาชนะกลุ่มฮะมาส ซึ่งต้องแลกกับการถูกวิจารณ์และโจมตีจากนานาชาติว่าอิสราเอลละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมทั้งเสี่ยงจะทำให้เกิดความขัดแย้งระยะยาวในภูมิภาคตะวันออกกลาง เพราะวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในประเทศเพื่อนบ้านของอิสราเอล รวมทั้งจะขยายความโกรธแค้นระหว่างชาวปาเลสไตน์กับอิสราเอลไปทั่วโลก เพราะก่อนที่อิสราเอลจะโจมตีราฟาห์ก็ได้ประกาศว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็น “พื้นที่ปลอดภัย” และแจ้งให้ชาวปาเลสไตน์ในพื้นที่ตอนเหนืออพยพลงใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากสงคราม แต่อิสราเอลกลับบุกโจมตีพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ทำให้นานาชาติคัดค้านการตัดสินใจของอิสราเอลครั้งนี้
สงครามที่ยาวนานในฉนวนกาซารอบนี้อาจเปลี่ยนการเมืองระหว่างประเทศในระยะยาว เนื่องจากปรากฏความเคลื่อนไหวของหลายประเทศที่เริ่มให้ความสำคัญกับการรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ โดยสเปน นอร์เวย์ และไอร์แลนด์เตรียมจะประกาศรับรองสถานะรัฐปาเลสไตน์ใน 28 พ.ค.67 นี้ เพื่อส่งเสริมสถานะของปาเลสไตน์ในเวทีระหว่างประเทศ และเป็นโอกาสสนับสนุนการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในระยะยาว โดยให้สิทธิและการคุ้มครองแก่ปาไลสไตน์มากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่า สงครามที่ยาวนานในฉนวนกาซาอาจเป็นผลเสียต่ออิสราเอล แม้ว่าจะยึดพื้นที่ในฉนวนกาซาได้ แต่รัฐบาลปาเลสไตน์กลับมีความคืบหน้าในการได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติมากขึ้น ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่สมรภูมิในเมืองราฟาห์จะเป็นศึกสำคัญ ก่อนประกาศยุติปฏิบัติการ Operation Swords of Iron เพื่อกลับไปแก้เกมส์ในเวทีระหว่างประเทศต่อไป