กรณีกองทัพอิสราเอลตัดสินใจบุกโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือตัวประกันบางส่วนเมื่อ 8 มิถุนายน 2567 ทำให้พลเรือนชาวปาเลสไตน์ได้รับผลกระทบ โดยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะที่อิสราเอลประกาศว่าช่วยเหลือตัวประกันไปได้ 4 คน ด้านองค์การให้ความช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาระบุว่า ชาวปาเลสไตน์จำนวน 274 คน รวมทั้งเด็ก เสียชีวิตจากปฏิบัติการดังกล่าวของอิสราเอลที่ค่ายผู้อพยพ Nuseirat แม้ว่าอิสราเอลจะปะทะกับกองกำลังของกลุ่มฮะมาสในพื้นที่จริง แต่เหตุการณ์ครั้งนี้นับว่ามีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่สุดตั้งแต่ความขัดแย้งเริ่มเมื่อ 7 ตุลาคม 2566
ปฏิบัติการดังกล่าวลดโอกาสที่กลุ่มฮะมาสและอิสราเอลจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวระหว่างกัน โดยเฉพาะข้อตกลงที่สหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสนอ โดยผู้นำกลุ่มฮะมาสระบุเมื่อ 10 มิถุนายน 2567 ว่า การตัดสินใจของอิสราเอลส่งผลกระทบต่อความพยายามของสหรัฐฯ ที่ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เยือนตะวันออกกลาง นอกจากนี้ ยังมีข่าวสารปรากฏว่า สหรัฐฯ กำลังเจรจากับกลุ่มฮะมาสเพื่อทำข้อตกลงปล่อยตัวประกันสหรัฐฯ จำนวน 5 คน ที่ยังอยู่ในฉนวนกาซา เนื่องจากอิสราเอลไม่ยอมรับเงื่อนไขเพื่อให้กลุ่มฮะมาสปล่อยตัวประกัน สหรัฐฯ จึงไม่อยากรอ และเริ่มเจรจากับกลุ่มฮะมาสแล้วโดยมีกาตาร์สนับสนุน อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ
สถานการณ์ความขัดแย้งที่ยาวนาน และการที่รัฐบาลอิสราเอลเผชิญแรงกดดันจากนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เริ่มทำให้มีข่าวว่า คณะรัฐมนตรีชุดฉุกเฉินในสภาวะสงครามของอิสราเอลมีความแตกแยกภายใน โดยเฉพาะกรณีเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะรัฐมนตรีดังกล่าวลาออกจากตำแหน่งเมื่อ 9 มิถุนายน 2567 เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับแนวทางปฏิบัติการในฉนวนกาซา รวมทั้งแผนการขั้นตอนต่อไปหลังสงครามครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่รัฐบาลอิสราเอลยังยืนยันว่ามีเอกภาพ ซึ่งคาดว่าทิศทางการทำสงครามหลังจากนี้จะตึงเครียดและรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากสมาชิกคณะรัฐมนตรีอิสราเอลปัจจุบันส่วนใหญ่มีแนวคิดขวาจัด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะเยือนภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งอิสราเอล น่าจะใช้โอกาสนี้เร่งโน้มน้าวและแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เพื่อให้อิสราเอลยอมรับข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว เพื่อแสดงบทบาทยุติสงคราม และเสนอแผนการอยู่ร่วมกันอย่างสันติระหว่างอิสราเอล-ปาเลสไตน์ คาดว่าหลังจากเสร็จสิ้นการเยือน สหรัฐฯ จะเสนอประเด็นอิสราเอล-ปาเลสไตน์ในที่ประชุมสหประชาชาติ เพื่อให้ลงมติสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวด้วย