อิสราเอลขยายปฏิบัติการโจมตีในพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ ล่าสุดเมื่อ 29 ส.ค.67 มีรายงานการบุกโจมตีในเขตเวสต์แบงค์ บริเวณค่ายผู้ลี้ภัย Jenin, Tulkarem และ Far’a ส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก อิสราเอลอ้างว่ากลุ่มชาวปาเลสไตน์ดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่ออิสราเอล อย่างไรก็ตาม นานาชาติไม่เห็นด้วยกับการโจมตีครั้งนี้ เพราะจะเสี่ยงขยายขอบเขตความขัดแย้ง และไม่เป็นผลดีต่อการแก้ไขความขัดแย้งระยะยาว
การโจมตีเขตเวสต์แบงก์ครั้งนี้ สื่อประเมินว่าเป็นปฏิบัติการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี เน้นพื้นที่ตอนเหนือ เพื่อปราบปรามกลุ่มก่อการร้าย ปกติอิสราเอลโจมตีในพื้นที่นี้เป็นระยะ ๆ แต่ครั้งนี้น่ากังวล เนื่องจากกองกำลังติดอาวุธในพื้นที่ไม่มีศักยภาพสูงเท่ากลุ่มฮะมาสในฉนวนกาซา และครั้งนี้อิสราเอลใช้ทั้งโดรนโจมตีทางอากาศ กำลังทหาร และรถไถบุกทำลายค่ายผู้ลี้ภัย รวมทั้งประกาศว่าจะดำเนินการโจมตีต่อไปอีกระยะหนึ่ง จึงน่าจะเพิ่มวิกฤตด้านมนุษยธรรม มีรายงานผู้เสียชีวิตในเขตเวสต์แบงก์มากกว่า 600 คนแล้ว
สหภาพยุโรป (EU) เตือนให้อิสราเอลยุติการโจมตีทั้งในเขตเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา ด้านสหรัฐฯ เตือนอิสราเอลเช่นกัน โดยเฉพาะให้หาผู้รับผิดชอบต่อความสูญเสียของพลเรือน และประกาศคว่ำบาตรกลุ่ม Hashomer Yosh ที่เป็นกองกำลังของอิสราเอล ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในเขตเวสต์แบงก์ ปัจจุบันนานาชาติยังกังวลเรื่องการมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมด้วย เพราะไม่สามารถมอบความช่วยเหลือได้เลยทั้งทางบกและทางอากาศ ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ พยายามช่วยเหลือผ่านทางอากาศ แต่ไม่ต่อเนื่อง จึงถูกโจมตีว่าไม่ให้ความช่วยเหลือมากพอ
การเจรจาหยุดยิงยังไม่มีความคืบหน้า สื่อตะวันออกกลางมีมุมมองเชิงลบต่อท่าทีและบทบาทของสหรัฐฯ ที่ไม่ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกเรื่องการเจรจาที่เป็นธรรม แต่กลับเข้าข้างอิสราเอล ด้านกลุ่มฮะมาสยังไม่ยอมแพ้หรือลดระดับปฏิบัติการตอบโต้อิสราเอล โดยกระตุ้นให้ผู้สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ช่วยกันโจมตีอิสราเอล อาจจะด้วยการปฏิบัติการระเบิดฆ่าตัวตาย หรือสนับสนุนปฏิบัติการของกองกำลังทุกรูปแบบ