อิสราเอลโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่เมื่อ 11 กันยายน 2567 โดยทำลายโรงเรียนในพื้นที่ตอนกลางของฉนวนกาซา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สหประชาชาติ (UN) สนับสนุนและกำหนดให้เป็นพื้นที่หลบภัย ปฏิบัติการดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่สหประชาชาติ สังกัด UNRWA เสียชีวิตอย่างน้อย 6 คน ชาวปาเลสไตน์มากกว่า 20 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก รวมทั้งเด็กและสตรี กรณีดังกล่าวทำให้นานาชาติประณามอิสราเอล ไม่เห็นด้วยกับการโจมตีพื้นที่หลบภัย และทำให้เจ้าหน้าที่ UN เสียชีวิต โดยครั้งนี้จำนวนเจ้าหน้าที่เสียชีวิตมากที่สุด ตั้งแต่มีความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮะมาสรอบนี้ ที่ยืดเยื้อมาแล้วนานกว่า 11 เดือน อย่างไรก็ตาม ผู้แทนอิสราเอลประจำสหประชาชาติตอบโต้ท่าทีของ UN และนานานชาติ โดยยืนยันว่าปฏิบัติการของ UNRWA เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มติดอาวุธ
สถานการณ์การปะทะในเขตเวสต์แบงก์ก็ยังตึงเครียดต่อเนื่อง จากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อ 28 สิงหาคม 2567 ปัจจุบันจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะใน Jenin ที่เป็นค่ายผู้ลี้ภัยของชาวปาเลสไตน์ ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาปัจจุบันอยู่ที่ 41,020 คน และได้รับบาดเจ็บ 94,925 คน
การเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮะมาสยังไม่บรรลุข้อตกลงร่วมกัน อย่างไรก็ตาม ผู้แทนการเจรจาของกลุ่มฮะมาส หรือนาย Khalil al-Hayya เมื่อ 12 กันยายน 2567 ระบุกับผู้แทนการเจรจาของกาจารณ์และอียิปต์ว่า กลุ่มฮะมาสพร้อมจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอ แต่ต้องเป็นฉบับที่เสนอเมื่อ พฤษภาคม 2567 เท่านั้น ซึ่งเป็นฉบับที่ไม่มีข้อความหรือเงื่อนไขที่อิสราเอลเสนอเพิ่มเติม ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการแลกเปลี่ยนตัวประกัน และให้กองทัพอิสราเอลถอนทหารออกจากพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ทั้งหมด ตั้งแต่มีสงครามเมื่อ ตุลาคม 2566 มีการแลกเปลี่ยนตัวประกันชาวอิสราเอลแล้วอย่างน้อย 105 คน
ยังไม่มีสัญญาณว่าอิสราเอลจะยอมรับข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากมีมุมมองว่ากลุ่มฮะมาสใช้ตัวประกันเป็นเครื่องมือต่อรองและต้องการเดินหน้าปฏิบัติการให้บรรลุผล ตลอดจนยังคงยืนยันจะปฏิบัติการบริเวณใกล้พรมแดนฉนวนกาซา-อียิปต์ เพราะเชื่อว่ามีกองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮะมาสปฏิบัติการอยู่ แม้ว่าอียิปต์และกาตาร์จะปฏิเสธแล้วก็ตาม