ความยิ่งใหญ่ของจีนที่ก้าวขึ้นมาท้าทายสหรัฐฯ ได้อย่างสง่างามในทุกวันนี้ ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (พรรคเดโมแครต) และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส หยิบยกจีนขึ้นเป็นประเด็นหาเสียงกับชาวอเมริกันอยู่บ่อยครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าคนที่จะเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ ฯ คนที่ 47 ที่จะเริ่มบริหารประเทศในมกราคม 2568 จะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับจีน และจะไม่ยอมให้จีนก้าวเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 แทนที่สหรัฐฯ ตามความฝัน (Chinese Dream) ของจีนในปี 2592 ในวาระครบรอบ 100 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน
ในการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ ใน 5 พฤศจิกายน 2567 อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ประเด็นจีนหาเสียงกับชาวอเมริกัน บ่อยครั้ง และเป็นเชิงลบมาก ๆ มากกว่ารองประธานาธิบดีแฮร์ริส อย่างเห็นได้ชัด เพื่อให้โดนใจชาวอเมริกันที่เคยมีผลการสำรวจของ PEW ระบุว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่เห็นว่าจีนเป็นศัตรูหรือคู่แข่งขัน และทัศนคตินี้ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในชาวอเมริกันที่นิยมพรรครีพับลิกัน และหากย้อนกลับไปดูเมื่อครั้งอดีตประธานาธิบดีทรัมป์บริหารประเทศเมื่อปี 2560- 2564 โลกและภูมิภาคเอเชียของเราก็ปั่นป่วนเพราะสงครามการค้า (trade war) ที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ใช้ตอบโต้จีนเป็นการเฉพาะด้วยการเพิ่มกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน
การกล่าวหาจีนของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในการหาเสียงครั้งนี้ มุ่งประเด็นที่จะทำให้เกิดความขัดแย้งกับจีน หากต้องดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่ง เช่น จะปกป้องอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ด้วยการเพิ่มอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เช่น รถยนต์ที่จะเข้ามาทำลายอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ รวมทั้งจะลดทอนความโดดเด่นของเงินหยวนที่พยายามจะก้าวขึ้นเป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนดอลลาร์สหรัฐ ในด้านความมั่นคง อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และคู่ชิงรองประธานาธิบดี คือ วุฒิสมาชิกเจมส์ เดวิด แวนซ์ จากมลรัฐโอไฮโอ ยังกล่าวหาจีนเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อสหรัฐฯ ด้วย
รองประธานาธิบดีแฮร์ริสก็ไม่ใช่จะดีกับจีน แม้จะกล่าวถึงจีนน้อยกว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในระหว่างการหาเสียง เพียงแต่ไม่ดุดันเท่า รองประธานาธิบดีแฮร์ริสเชื่อว่า การแข่งขันระหว่างสหรัฐ กับจีนเกิดขึ้นแน่นอน เฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเศรษฐกิจ แต่ทั้งสองประเทศจะพูดคุย หรือเจรจากัน หรือบางประเด็นก็ร่วมมือกันได้ เช่น การแก้ไ
ขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศโลก (climate change) สรุปก็คือรองประธานาธิบดีแฮร์ริสหาเสียงด้วยการที่ว่าจะสามารถจัดการกับจีนได้ หากได้เป็นประธานาธิบดี โดยจะไม่ใช่วิธีการปกป้องทางการค้า เหมือนอดีตประธานาธิบดีทรัมป์
แต่ไม่ว่าทั้งรองประธานาธิบดีแฮร์ริส หรืออดีตประธานาธิบดีทรัมป์จะมีท่าทีต่อจีนอย่างไรในระหว่างการหาเสียง แต่ใครชนะก็ต้องเผชิญการท้าทายจากจีนอย่างแน่ ๆ เพราะในระหว่างการหาเสียงทั้งสองฝ่ายยังถูกจีนเจาะข้อมูล โดยหน่วยงานด้านความมั่นคงด้านไซเบอร์รายงานเมื่อ 7 ตุลาคม 2567 ว่า จีนได้เจาะข้อมูลบริษัทโทรคมนาคมขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ ถึง 3 บริษัท ( บริษัท AT&T บริษัท Verizon และบริษัท Lumen Technologies) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โทรศัพท์ของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และวุฒิสมาชิกเจมส์ เดวิด แวนซ์ถูกจีนเจาะข้อมูลเข้าแล้ว และมีรายงานว่าคนที่เกี่ยวข้องกับรองประธานาธิบดีแฮร์ริสก็น่าจะถูกเจาะข้อมูลด้วยเช่นกัน