ยังไม่ทันเริ่มบริหารประเทศ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกตัวแรงมากในเรื่องการจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้า และจัดการกับผู้ลักลอบเข้าเมือง โดยจีน แคนาดา และเม็กซิโก เป็น 3 ประเทศแรกที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2567 ว่าจะจัดการเรื่องขึ้นภาษีนี้ แต่ขอนำเสนอเฉพาะแคนาดา และเม็กซิโก สองประเทศนี้ก่อนว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศโดยวิธีใดจากกรณีคำขู่ของว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ
ที่ไปที่มา…… ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ตั้งเงื่อนไขผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อ 25พฤศจิกายน 2567 ว่า จะขึ้นภาษีนำเข้าทุกรายการจากเม็กซิโก และแคนาดา ร้อยละ 25 ไปจนกว่าทั้งสองประเทศจะสามารถกวาดล้างการลักลอบนำยาเสพติด เฉพาะอย่างยิ่งยาเฟนทานิล (ยาระงับปวดคุณภาพสูง) และลักลอบเข้าเมือง ซึ่งหลั่งไหลเข้าสหรัฐฯ ตามบริเวณชายแดนจากแคนาดาที่อยู่ตอนบน และเม็กซิโกที่อยู่ตอนใต้ของสหรัฐฯ
ทำไมต้องเป็นสองประเทศนี้…… เป้าหมาย “ America First” คือ สหรัฐฯ จะสามารถลดการเสียเปรียบดุลการค้ากับแคนาดา และเม็กซิโก ที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสูงมาก โดยเมื่อปี 2566 อยู่อันดับ 2 และ 3 (จีนเป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ามากเป็นอันดับ 1) นอกจากนี้ ยังจะช่วยลดปัญหาสังคม และอาชญากรรมข้ามชาติที่จะตามมาจากยาเสพติด และคนลักลอบเข้าเมืองได้ด้วย และประเด็นที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขมากนัก น่าจะเป็นเรื่องพลังงานที่สหรัฐฯ นำเข้าจากแคนาดา และเม็กซิโก
แคนาดา และเม็กซิโกรับมืออย่างไร …… แคนาดาออกตัวแรง นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดาเข้าถึงถ้ำเสือ โดยไปรับประทานอาหารเย็นกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ที่ Mar-a-Lago club ซึ่งเป็นรีสอร์ทส่วนตัว ที่เมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา เมื่อ 29 พฤศจิกายน 2567 และยกทีมรัฐมนตรีการค้าและรัฐมนตรีชายแดนไปด้วย ขณะที่ฝ่ายสหรัฐฯ ก็มีว่าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นอกจากนี้ ยังมีเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายอีกด้วย
ผลการพบปะ ….ทั้งสองฝ่ายต่างโพสต์ถึงผลการรับประทานอาหารเย็นว่าชื่นมื่น มีการพูดถึงเรื่องการขึ้นภาษี การลดการหลั่งไหลผู้ลักลอบเข้าเมืองและยาเสพติด พร้อมกับมีการตั้งทีมแคนาดาหารือกับสหรัฐฯ ต่อไป หลังจากนายกรัฐมนตรีทรูโดกลับประเทศก็ยังโพสต์ในแพลตฟอร์ม X ถึงรูปรับประทานอาหาร และพร้อมจะทำงานร่วมกันต่อไป ส่วนในรายละเอียดก็มีการตั้งทีมแคนาดาในการหารือต่อไป
การเข้าไปพูดคุยทันที……เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของผู้นำแคนาดาใช้ในการรับมือกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และน่าจะรู้ใจว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ว่าชอบการหารืออย่างไม่เป็นทางการ และต้องไม่เพิกเฉยต่อสิ่งที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความสำคัญ จึงได้รีบไปพบ และรับประทานอาหารเย็นโดยทันที ที่ Mar-a-Lago club (ในวันที่ 4 หลังจากถูกขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้า) และในส่วนของว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ก็เชื่อได้เลยว่าใช้โอกาสนี้เจรจาต่อรองกับแคนาดาด้วย เพราะหากขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดาทุกประเภท ชาวอเมริกันต้องเดือนร้อนแน่ ๆ เนื่องจากสหรัฐฯ นำเข้าน้ำมันจากแคนาดาเป็นอันดับ 1 (ประมาณครึ่งหนึ่งของยอดนำเข้าทั้งหมด) รองลงมาคือเม็กซิโก
ผู้นำเม็กซิโกแม้ไม่ได้ไปพบกับว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แต่ประธานาธิบดีหญิง Claudia Sheinbaum ของเม็กซิโกก็รีบโทรศัพท์ไปพูดคุยทันที เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2567 (ก่อนนายกแคนาดาเดินทางไป Mar-a-Lago club) โดยแสดงท่าทีหนักแน่นต่อว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เห็นด้วยที่จะต้องหยุดการหลั่งไหลของผู้ลักลอบเข้าเมือง และยาเสพติด เฉพาะอย่างยิ่งยาเฟนทานิล ไปยังสหรัฐฯ จากเม็กซิโกให้ได้ แต่ก็แสดงจุดยืนที่จะไม่ให้กระทบเศรษฐกิจบริเวณชายแดนด้วยว่า เม็กซิโกจะไม่ยกระดับไปถึงการปิดชายแดนระหว่างกัน