สถานการณ์การสู้รบและตอบโต้ด้วยกำลังทหารระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ในพื้นที่เลบานอนยังคงรุนแรงต่อเนื่อง เสี่ยงทำให้ข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวที่เริ่มต้นบังคับใช้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจล้มเหลว และทำให้บรรยากาศความมั่นคงในภูมิภาคตะวันออกกลางไม่มั่นคงอีกครั้ง โดยเมื่อ 3 ธ.ค.67 กองทัพอิสราเอลยิงตอบโต้กับกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ส่งผลให้มีชาวเลบานอนในพื้นที่ตอนใต้ เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในกลุ่มผู้เสียชีวิตดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของรัฐบาลเลบานอนด้วย อย่างไรก็ดี ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลมีขึ้นหลังจากกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ยิงขีปนาวุธโจมตีฐานกำลังทหารของอิสราเอลในบริเวณ Shebaa Farms พื้นที่พรมแดนระหว่างอิสราเอล-เลบานอน ใกล้กับที่ราบสูงโกลัน ทั้งนี้ อิสราเอลและเลบานอนมีข้อพิพาทเหนือดินแดนในพื้นที่ดังกล่าว
นอกเหนือจากสมรภูมิบริเวณพรมแดนเลบานอน อิสราเอลยังคงโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ตอนเหนือและตอนกลาง ด้านกลุ่มฮะมาสที่อยู่ในฉนวนกาซาระบุว่า การปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลตั้งแต่ ต.ค.66 ส่งผลให้ตัวประกันอย่างน้อย 33 คนเสียชีวิต จึงไม่ใช่แนวทางที่ดีสำหรับการช่วยเหลือตัวประกัน ด้านว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ความเห็นเมื่อ 2 ธ.ค.67 ว่า การเจรจาที่ผ่านมาไม่มีผลปฏิบัติจริง และย้ำให้กลุ่มฮะมาสปล่อยตัวประกันก่อนที่เขาจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการใน 20 ม.ค.68 รวมทั้งให้ยุติความรุนแรงต่อมนุษยชาติด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องเผชิญกับผลลัพธ์ที่รุนแรง ซึ่งท่าทีนี้ คาดว่าเป็นการยกระดับการกดดันให้กลุ่มฮะมาสปล่อยตัวประกัน พร้อมกับกดดันอิสราเอลให้ยุติปฏิบัติการทางทหาร เพื่อสร้างสันติภาพและเป็นผลงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ โดยเน้นไปที่การกดดันให้ปล่อยตัวประกันเป็นหลัก สะท้อนว่าสหรัฐฯ จะยังมีแนวโน้มดำเนินนโยบายเอื้อประโยชน์ต่ออิสราเอลมากกว่าชาวปาเลสไตน์
รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดประธานาธิบดีโจเซฟ ไบเดน ยังคงเดินหน้าพยายามไกล่เกลี่ยให้อิสราเอลและกลุ่มฮะมาสบรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซา โดยเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากเคยประสบความสำเร็จมาแล้ว และทั่วโลกสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฝ่ายยุติความรุนแรง ขณะเดียวกันก็เชื่อว่า ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอนจะยังดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากมีฝรั่งเศสและประเทศอื่น ๆ คอยสนับสนุน
อิสราเอลเผชิญสมรภูมิหลากหลายด้าน รวมทั้งการโจมตีทางไซเบอร์จากอิหร่าน โดยสำนักข่าวกรองของอิสราเอล (Shin Bet) ระบุเมื่อ 2 ธ.ค.67 ว่า แฮ็กเกอร์ที่อาจได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอิหร่านโจมตีอิสราเอลมากกว่า 200 ครั้ง ด้วยวิธีการ phishing หรือหลอกลวงให้กดรับมัลแวร์ เป้าหมายเพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่รัฐบาลอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้แจ้งเตือนเจ้าหน้าที่อิสราเอลที่ตกเป็นเป้าหมายการโจมตีทางไซเบอร์แล้ว เพื่อควบคุมความเสี่ยงและความเสียหาย